เครดิต : คมชัดลึก 10 ส.ค. 2555
กีฬาโอลิมปิกเกม 2012 ณ กรุงลอนดอนใกล้จะปิดฉากลงแล้ว เป้าหมายเหรียญรางวัลของทีมไทยเราอาจไม่เป็นไปอย่างที่หวังไว้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติทุกคนที่แม้จะยังไม่สมหวังวันนี้ ก็ขอให้ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนขยันหมั่นฝึกซ้อมอย่าท้อถอย ความฝันต้องเป็นจริงสักวันล่ะครับ เช่นเดียวกับการรักษามะเร็งที่จะกล่าวถึงในตอนนี้ที่ต้องการให้ยาไปออกฤทธิ์แบบเจาะจงกับเซลล์มะเร็งที่เป็นเป้าหมายโดยตรงและให้มีผลต่อเซลล์ปกติน้อยที่สุด ต่างจากการให้ยาเคมีบำบัดแบบเดิมที่ไม่ว่าเซลล์ปกติเซลล์มะเร็งก็โดนยาสบักสบอมไปอย่างเท่าเทียมกัน แทนที่ก้อนมะเร็งจะยุบฝ่อลงกลับกลายเป็นว่าเกิดผลข้างเคียงกับเซลล์ปกติในระบบอื่นๆ ทำให้ร่างกายยิ่งแย่ลงไปอีก การรักษาแบบนี้มีการพัฒนามาในช่วง 10 กว่าปีและเริ่มนำมาใช้ในบ้านเราในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ภาษาอังกฤษเค้าเรียกว่าทาร์เก็ตเตดเทอราปี่ ภาษาไทยบางทีก็เรียกว่าการรักษาตามเป้าหมาย การรักษาพุ่งเป้า บางทีก็เรียกว่าการให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง ไม่ว่าจะเรียกอะไรก็ตาม
หลักสำคัญของการรักษาวิธีนี้คือการใช้ยาหรือสารบางชนิดที่ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งโดยไปรบกวนการทำงานของโมเลกุลที่มีความจำเพาะต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งนั้นๆ เรียกว่าเล่นงานเซลล์มะเร็งในระดับโมเลกุลเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรบกวนการส่งสัญญาณการเจริญเติบโตในระดับเซลล์ทำให้เซลล์มะเร็งหยุดการแบ่งตัว รบกวนการทำงานของเอนไซม์ที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของเซลล์มะเร็ง รวมถึงยับยั้งการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่จะมาเลี้ยงก้อนมะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งขาดอาหารขาดออกซิเจนและยังเป็นการตัดเส้นทางการกระจายของเซลล์มะเร็งไปสู่อวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย และเมื่อเซลล์มะเร็งตายลงทั้งจากผลของยาโดยตรงและจากกระบวนการที่ไปกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตายโดยตัวของมันเอง ยังส่งผลทางอ้อมโดยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายส่งสารเคมีที่เป็นพิษมาทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย เรียกว่าจัดหนักจัดเต็มแบบไม่ผิดฝาผิดตัวขนาดนี้ ผลการรักษาจึงดีกว่าการให้ยาเคมีบำบัดแบบเดิมอย่างชัดเจน
ยาที่ใช้ในการรักษาก็แบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือแบบแรกชนิดที่เป็นยาโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถแพร่เข้าสู่เซลล์และจับกับเป้าหมายภายในเซลล์มะเร็งได้โดยตรงและแบบที่สอง ชนิดที่เป็นโปรตีนระบบภูมิคุ้มกันหรือโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อโปรตีนเป้าหมายของเซลล์มะเร็ง โดยมีการพัฒนาให้คล้ายคลึงกับโครงสร้างภูมิคุ้มกันของมนุษย์ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันภายในของผู้ป่วยออกมาทำลายตัวยา ก่อนที่ยาจะเข้าไปจับกับเซลล์เป้าหมายได้ ปัจจุบันมะเร็งที่มีข้อบ่งชี้ในการรักษาแบบนี้ก็ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งศีรษะและลำคอ มะเร็งเนื้อเยื่อในช่องท้องหรือจีสต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งของอวัยวะนั้นและระยะของโรคมะเร็งเป็นสำคัญ
นี่แหละครับการรักษามะเร็งยุคใหม่คือจัดการเฉพาะเป้าหมายที่เซลล์มะเร็งเป็นหลักและให้มีผลกระทบต่อเซลล์ปกติน้อยที่สุด แต่ที่ยังไม่สามารถใช้ยากลุ่มนี้ได้อย่างครอบคลุมทั่วถึงทุกสิทธิ์การรักษาก็เพราะราคายาที่แพงแบบไม่ธรรมดา เรียกว่าราคาสูงมากถึงจะเหมาะสมกว่า ยาเม็ดๆ ละหลายพันบาท อย่างฉีดก็เข็มละหลายหมื่นถึงแสนก็มี รักษาครบคอร์สก็เป็นหลักล้านเลยล่ะครับ…ขอบอก