เครดิต : คมชัดลึก 27 พ.ค. 2554
ในบรรดาความเชื่อของผู้ป่วยมะเร็งและญาตินั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาแผนปัจจุบัน การรักษาทางเลือกแบบใหม่ๆ ความเชื่อเรื่องหากเป็นมะเร็งแล้วผ่าตัดจะทำให้มะเร็งแพร่กระจายนับเป็นเรื่องที่อยู่ในอันดับต้นๆ ที่สำคัญคือทำให้ผู้ป่วยหลายรายเสียโอกาสสำคัญในการรักษาให้หายขาด เช่นเดียวกันกับศัลยแพทย์หรือหมอผ่าตัดที่ตกเป็นจำเลยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้มะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย
ว่ากันแบบตรงไปตรงมาแบบไม่ลำเอียง ไม่เข้าข้างใคร เรื่องนี้มีทั้งจริงและไม่จริงขึ้นกับแต่ละกรณีครับ ประเด็นแรก คือเรื่องที่ว่ามะเร็งยังไม่กระจายหรือกระจายไปก่อนแล้วนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจ การที่เราจะบอกว่ามะเร็งก้อนนั้นกระจายไปแล้วหรือไม่ มีตั้งแต่การตรวจร่างกาย การใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ในการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อให้ทราบถึงระยะของโรคมะเร็งว่าเป็นถึงขั้นไหนแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ตามเทคโนโลยีปัจจุบันยังไม่สามารถตรวจได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีเซลล์เล็กเซลล์น้อยผลัดหลงไปอยู่ตามอวัยวะอื่นๆ ก่อนผ่าตัดแล้วหรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าทำการตรวจวินิจฉัยครบถ้วนตามหลักวิชาการก็พอจะบอกได้อย่างมั่นใจระดับหนึ่งว่ามะเร็งแพร่กระจายไปมากน้อยเพียงใดอยู่ในระยะใดแม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
ประเด็นที่สอง ผ่าตัดโดยไม่สงสัยมาก่อนเลยว่าจะเป็นมะเร็ง เนื่องจากประวัติและการตรวจต่างๆ ไม่เหมือนมะเร็ง ทำให้อาจจะผ่าตัดออกได้ไม่หมดหรือไม่ได้ขอบเขตของเนื้อดีที่ห่างจากก้อนเนื้องอกเพียงพอ กลุ่มนี้หากได้รับการผ่าตัดซ้ำเพื่อเอาส่วนที่เหลือออกในเวลาอันรวดเร็วหลังการผ่าตัดครั้งแรก โอกาสที่เซลล์มะเร็งจะแพร่กระจายก็น้อยลง
ประเด็นที่สาม เป็นเหตุการณ์ที่พบบ่อยในบ้านเรา ผู้ป่วยมะเร็งบ้านเราส่วนใหญ่มักมาพบแพทย์เมื่อมีอาการในระยะที่เป็นมากแล้ว หลายรายที่ขณะผ่าตัดพบว่า มีมะเร็งกระจายอยู่แล้วเป็นจุดเล็กๆ ขนาดเป็นมิลลิเมตรทำให้ไม่สามารถตรวจพบด้วยเครื่องมือพิเศษต่างๆ ก่อนผ่าตัด การผ่าตัดจึงไม่สามารถเอามะเร็งออกได้ทั้งหมด หลังผ่าตัดหากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีการอื่น อาการก็ยิ่งทรุดลงตามลำดับ พอญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเห็นว่าหลังผ่าตัดอาการแย่ลงแบบนี้ ก็พากันบอกปากต่อปากกันไปอีกว่า ที่อาการย่ำแย่แบบนี้ก็เพราะไปผ่าตัดมา นอกจากนั้น บ่อยครั้งที่แพทย์ผู้รักษาต้องยอมผิดศีลข้อมุสาวาทายอมทำตามที่ญาติใกล้ชิดขอร้องไม่ให้บอกผู้ป่วยว่าเป็นมะเร็ง หรือที่หนักกว่านั้นขอร้องให้บอกผู้ป่วยว่าผ่าตัดเอามะเร็งออกหมดแล้วหายแล้วเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเสียกำลังใจ ทั้งๆ ที่มะเร็งลุกลามไปจนเกินแก้แล้วและแพทย์ก็ไม่ได้ทำอะไรมากในกรณีนี้ หลายรายที่ทั้งผู้ป่วยและญาติยังไม่รู้ความจริงแม้จนกระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิต แต่ท้ายที่สุดแล้วการผ่าตัดก็ตกเป็นจำเลยว่าเป็นเหตุให้มะเร็งกระจายแบบชนิดที่เรียกว่าปิดทองอยู่หลังพระ ประเด็นสุดท้าย ที่อยากจะฝากให้ผู้ป่วยมะเร็งสบายใจ ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ ก่อนตัดสินใจผ่าตัด หากแพทย์สงสัยว่าก้อนนั้นมีโอกาสเป็นมะเร็งค่อนข้างสูง ปัจจุบันมีการใช้เข็มขนาดเล็กดูดเอาเซลล์ในก้อนไปตรวจก่อน เพื่อยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ ด้วยวิธีการนี้โอกาสที่มะเร็งจะแพร่กระจายมีน้อยมาก นอกจากนั้น ด้วยทักษะการผ่าตัดของศัลยแพทย์ในปัจจุบัน การผ่าตัดแบบสุ่มสี่สุ่มห้าประเภทที่ทำให้ก้อนมะเร็งแตกกระจายแบบสมัยโบราณแทบไม่มีให้เห็นในมือศัลยแพทย์เฉพาะทางที่ผ่านการฝึกอบรมมาอย่างถูกต้อง เรียกว่าผ่าตัดกันแบบไม่แตะต้องตัวก้อนเนื้องอกก่อน แต่ใช้วิธีป่าล้อมเมือง โดยจัดการกับหลอดเลือดและต่อมน้ำเหลืองเสียก่อน เพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งหลุดเล็ดรอดไปตามอวัยวะต่างๆ ในระหว่างทำการผ่าตัด ต่อไปนี้หากใครมาบอกว่าผ่าตัดแล้วจะทำให้มะเร็งกระจาย อย่าหลงเชื่อกันง่ายๆ ศึกษาหาข้อมูลอย่างรอบด้านเสียก่อน ใช้เหตุผล วิจารณญาณและปัญญาในการตัดสินใจนะครับ…ขอบอก “นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ”