เครดิต : คมชัดลึก 18 พ.ค. 2555
ภาพผู้ป่วยผมร่วงศีรษะโล้นหรือใส่วิก โพกผ้าคงเป็นภาพที่คุ้นตาของใครต่อใคร หลายคนรู้โดยอัตโนมัติเลยว่าต้องเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดหรือยาคีโม เคโมที่ใครๆ เคยได้ยินผ่านหูมาบ้างแล้ว คนส่วนใหญ่คงไม่มีใครอยากพาลพบหรืออยากมีประสบการณ์แบบเช่นเดียวกับการให้ยาเคมีบำบัดทั้งแบบที่ให้ เฉพาะอวัยวะหรือให้ไปทั่วทั้งร่างกายก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนด้วยเช่นกัน เหตุที่ปัจจุบันมีผู้คนป่วยเป็นมะเร็งกันมากขึ้นทุกๆ ปี ทำให้มีผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
จึงไม่แปลกอะไรเลยที่นับวันเราจะเห็นภาพผู้ป่วยผมร่วงศีรษะโล้นมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ผลข้างเคียงต่างๆ ที่พบบ่อยไม่ว่าจะเป็นซีด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เกิดรอยฟกช้ำตามตัวได้ง่าย เลือดออกแล้วหยุดยาก ติดเชื้อง่ายได้จากการที่ยาเคมีบำบัดทำลายเซลล์ในไขกระดูกคือเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปากเป็นแผล ท้องเสีย จากการที่ยาเคมีบำบัดทำลายเซลล์ในระบบทางเดินอาหาร ผมร่วง ผิวคล้ำ เล็บคล้ำ เล็บเปราะ ชาตามปลายมือปลายเท้า ปวดกระดูก ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกันทุกคน
บางคนแพ้มากก็ไม่ได้แปลว่าโรคมะเร็งกำเริบ ขอให้คิดในแง่บวกว่ายากำลังออกฤทธิ์จัดการเซลล์มะเร็ง ก็ต้องมีบ้างที่เซลล์ปกติจะต้องโดนไปด้วย บางคนที่ไม่ค่อยมีอาการข้างเคียงก็ขอให้คิดให้กำลังใจตัวเองว่าร่างกายของเราแข็งแรงอยู่เป็นทุนเดิม จึงสามารถต้านทานฤทธิ์ยาที่ว่าแรงๆ ร่างกายเราก็ยังเอาอยู่ ที่สำคัญผลข้างเคียงที่ว่าก็เกิดขึ้นชั่วคราวแค่ในช่วงเวลาที่กำลังได้รับยาหรือหลังจากได้รับยาช่วงสั้นๆ เป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นคนไข้ต้องดูแลเอาใจใส่บำรุงร่างกายให้ได้รับสารอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ อย่าลืมนะครับว่าร่างกายพึ่งสะบักสะบอมมาจากการได้รับยาเคมีบำบัดซึ่งทั้งยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์และทำลายเซลล์ทั้งเซลล์มะเร็งและเซลล์ปกติ เพราะฉะนั้นจะมานั่งกินแต่ผักนึ่ง ปลานึ่งอย่างเดียว ยังไงก็ไม่มีทางเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายที่ต้องซ่อมแซมความเสียหายที่ทุกเซลล์ในร่างกายได้รับจากยาเคมีบำบัด
เห็นรึยังครับว่ายาเคมีบำบัดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด จริงๆ แล้วจะน่ากลัวหรือไม่น่ากลัวอยู่ที่ใจเราเป็นหลัก ถ้าใจสู้ซะอย่าง เรื่องได้ยาเคมีบำบัดแค่นี้ก็แค่เรื่องจิ๊บๆ เองล่ะครับ…ขอบอก