เครดิต : คมชัดลึก 19 มิ.ย. 2558
การติดต่อสื่อสารในปัจจุบันยุคโลกออนไลน์มีทั้งเชื่อถือได้บ้างไม่ได้บ้างเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นเรื่องที่ผู้รับสื่อในยุคนี้ ต้องใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นสารพัดข้อความ รูปภาพต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพที่มีโอกาสสร้างความตื่นตระหนกตกใจแก่ประชาชน ยิ่งข่าวสารเกี่ยวกับโรคมะเร็งแล้วต้องใช้วิจารณญาณมากกว่าปกติหลายเท่า เพราะมักมีธุรกิจแอบแฝงอยู่เป็นประจำ
เรื่องที่สร้างความตกอกตกใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งล่าสุด ที่ไม่ใช่เรื่องจริงไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับก็เช่น บอกว่าห้ามกินอาหารกะทิค้างคืน ห้ามกินผัดผักค้างคืน เพราะจะทำให้เป็นมะเร็ง ห้ามกินกล้วยทอด ปาท่องโก๋ ขนมครก ซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องจริง ยกเว้นพวกของทอดที่ทอดด้วยน้ำมันทอดซ้ำ อันนี้แน่นอนอยู่แล้วว่ามีสารก่อมะเร็ง รวมไปถึงข้อมูลมั่วๆ เรื่องการทำแมมโมแกรมทำให้เป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น เพราะได้รับรังสี มิหนำซ้ำยังมีการบังอาจยกเมฆแอบอ้างว่าที่สหรัฐอเมริกา ไม่แนะนำให้ตรวจแมมโมแกรมอีกต่างหากแต่แท้ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด เพราะการทำแมมโมแกรมนั้นใช้ปริมาณรังสีในการตรวจน้อยมาก ประโยชน์ที่ได้รับจากการตรวจจึงมากกว่าอันตรายจากการได้รับรังสีปริมาณน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
อีกข่าวเท็จเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่ส่งต่อกันจนประเทศไทยเกิดความเสียหาย โดยใช้ถ้อยคำว่า โรคมะเร็งตอนนี้ไทยเป็นเบอร์ 1 ของเอเชียแล้ว อัตรา 1 คนต่อ 8 คน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง บ้านเราคงมีผู้ป่วยโรคมะเร็งสูงถึง 8.75 ล้านคนจากประชากรไทยทั้งประเทศเกือบ 70 ล้านคน แท้จริงแล้วบ้านเรามีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละประมาณ 102,000 คน แล้วปกติเวลาเค้ารายงานอุบัติการณ์จำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ ตามมาตรฐานทั่วโลกจะรายงานเป็นจำนวนผู้ป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน สถิติของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2549 พบผู้ป่วยมะเร็งเพศชาย 156.7 รายต่อประชากรหนึ่งแสนคน อยู่แค่อันดับ 5 ในภูมิภาคอาเซียน เป็นรองจากอันดับหนึ่งถึงสี่คือ สิงคโปร์ เวียตนาม ลาว กัมพูชา ตามลำดับ ส่วนในเพศหญิงพบน้อยกว่าคือ 138.2 รายต่อประชากรหนึ่งแสนคน เป็นอันดับที่ 8 ในภูมิภาคอาเซียน และหากนับทั่วทั้งทวีปเอเชีย ประเทศที่มีอุบัติการณ์ผู้ป่วยมะเร็งโดยรวมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น มองโกเลีย จีน ตามลำดับ เพราะฉะนั้นอย่าไปเที่ยวส่งต่อข่าวทำลายชื่อเสียงประเทศชาติว่า คนไทยป่วยเป็นมะเร็งมากที่สุดในเอเชีย แต่อันที่จริงแล้วกลับตรงกันข้ามคือประเทศไทยเรามีระบบการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นผู้นำในระดับโลก ไม่น้อยหน้าใครในการแพทย์หลายสาขา จนชาวต่างชาติแห่มารักษากันทั่วโลก
ขอร้องเถอะครับ ได้รับข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ยังไม่แน่ใจ อย่าเพิ่งรีบส่งต่อไปให้เพื่อนฝูงหรือคนรู้จักโดยที่ยังไม่ได้ตรวจสอบนะครับ ตกเป็นเครื่องมือเป็นเหยื่อให้เค้าเปล่าๆ ที่สำคัญอาจทำบาปทำกรรมโดยไม่รู้ตัว…เชื่อผมสิ