เครดิต : คมชัดลึก 8 มี.ค. 2556
ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาฤดูการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้สมัครทั้งที่สังกัดพรรคและผู้สมัครอิสระ แต่ละคนต่างมีนโยบายและสโลแกนในการหาเสียงแตกต่างกันไป มีผู้สมัครอยู่ท่านหนึ่งมีการออกสื่อประชาสัมพันธ์นโยบายที่จะทำงานกับรัฐบาลได้อย่างราบรื่นแบบไร้รอยต่อ ทำเอาคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่คุ้นหูกับคำว่าแบบไร้รอยต่อ เวลานี้ก็ได้รู้กันเป็นทางการเรียบร้อยแล้วว่าใครได้เป็นผู้ว่าฯคนใหม่ แต่ที่แน่ๆ ครั้งนี้คะแนนของอันดับที่หนึ่งกับสองคู่คี่สูสีกันที่สุดตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯมา
วกกลับมาเรื่องการรักษามะเร็งแบบไร้รอยต่อกันดีกว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าทั้งแพทย์ผู้รักษาและผู้ป่วยเองก็อยากให้การรักษามะเร็งเป็นไปอย่างรวดเร็วไหลลื่นไม่ติดขัด แต่ในความเป็นจริงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีรอยต่อหลายรอย ทั้งจากตัวระบบ จากตัวผู้ให้การรักษา และจากตัวผู้รับการรักษา เริ่มจากตัวระบบกันก่อน บ่อยครั้งที่เกิดจากความล่าช้าในการส่งต่อข้อมูล การรอข้อมูลการรักษาผลการตรวจพิเศษต่างๆ จากโรงพยาบาลแรกที่ให้การรักษา การรอเอกสารรับรองสิทธิการรักษา ที่สำคัญในส่วนของตัวระบบคือความล่าช้าในการที่ผู้ป่วยจะเข้าถึงการรักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลที่มีศักยภาพการรักษาที่สูงกว่า ทั้งจากการรอตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอก การรอเตียงผู้ป่วยในว่าง การรอคิวการฉายรังสีหรือให้ยาเคมีบำบัด ทั้งนี้เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นโรคที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการตรวจวินิจฉัยและการรักษา ผู้ป่วยจึงต้องมาแออัดยัดเยียดกันอยู่ในโรงพยาบาลในระดับตติยภูมิและปัจจุบันมีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ดีมานด์มากกว่าซัพพลาย ทรัพยากรในการให้บริการด้านสุขภาพมีอยู่อย่างจำกัด ส่งผลให้เกิดสภาพคอขวดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ส่วนรอยต่อที่เกิดจากแพทย์ผู้ให้การรักษา หลักๆ ก็มีอยู่ 2 ช่วงคือช่วงการตรวจต่างๆ เพื่อให้รู้แน่ชัดว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ โรคมะเร็งอยู่ในระยะไหนแล้วและช่วงที่ให้การรักษา ในส่วนของการตรวจวินิจฉัยนั้น ต้องยอมรับว่าการวินิจฉัยโรคว่าเป็นมะเร็งนั้นมีตั้งแต่แบบที่วินิจฉัยง่ายๆ ประเภทที่มีก้อนคลำได้ง่ายๆ ตามอวัยวะภายนอก เช่น เต้านม ก้อนที่คอ ใช้เข็มเจาะดูดเซลล์ไปตรวจหรือฉีดยาชาผ่าตัดเล็กเอาชิ้นเนื้อไปส่งตรวจก็รู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง กับแบบที่กว่าจะวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งได้นั้นต้องตรวจไล่ไปทีละขั้นทีละตอนมากมายหลายวิธีการ เพราะแต่ละวิธีมีข้อบ่งชี้ในการส่งตรวจที่แตกต่างกัน บางครั้งส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อไปส่งตรวจกันหลายครั้งก็ไม่พบเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะกรณีที่ตัวมะเร็งไม่ได้เป็นก้อนปูดโปนหรือไม่ได้เป็นแผลที่หน้าตาน่าเกลียด แต่พวกที่หาเซลล์มะเร็งไม่ค่อยจะเจอนั้น มักเป็นแบบที่เซลล์มะเร็งชอบเล่นซ่อนแอบอยู่ใต้เนื้อเยื่อปกติที่พบบ่อยก็มะเร็งกระเพาะอาหาร มารู้อีกทีก็ตอนกระจายไปอวัยวะอื่นเรียบร้อยแล้ว บางครั้งต้องย้อมชิ้นเนื้อแบบพิเศษถึงจะรู้แน่ชัดว่าเป็นมะเร็ง พอรู้ว่าเป็นมะเร็งแล้วก็ต้องตรวจเพิ่มเติมอีกว่ามีการกระจายไปอวัยวะที่ชอบไปอันไหนบ้างรึเปล่าเพื่อให้ทราบว่าเป็นมะเร็งในระยะไหนแล้ว เพราะล้วนแล้วแต่มีผลต่อการวางแผนและการเลือกการรักษาที่เหมาะสมทั้งสิ้น
ส่วนความล่าช้าหรือรอยต่อในช่วงที่แพทย์ให้การรักษาและจากตัวผู้ป่วยและญาติผู้ปรารถนาดีค่อยไปว่ากันต่อวันศุกร์หน้าเพราะเนื้อที่หมด ทำให้เนื้อหาของเรื่องการรักษามะเร็งแบบไร้รอยต่อต้องมีรอยต่อจนได้…อิอิ