เครดิต : คมชัดลึก 30 มี.ค. 2555
สมัยนี้ไม่ว่าไปแห่งหนตำบลใดเห็นมีแต่คนทำสีผมกันมากมาย สมัยก่อนถ้าจะย้อมผมก็มีแต่คนผมขาวหรือคนที่ยังไม่อยากแก่ย้อมแต่สีดำเท่านั้น แต่ยุคนี้มีให้เลือกสารพัดทุกเฉดสี ทำแล้วก็ดูสวยงามทันสมัยดีจนบ่อยครั้งที่มองข้างหลังนึกว่าฝรั่งผมทอง พอไปดูข้างหน้ากลายเป็นฝรั่งดองไปซะฉิบ วันนี้เลยได้โอกาสเอาเรื่องยาย้อมผมมาเล่าสู่กันฟังเพราะมีคนสงสัยคาใจอยู่พอสมควรโดยเฉพาะคนที่ย้อมเองนั่นแหละ เรียกว่าอยากสวยอยากหล่อแต่ก็ยังเป็นห่วงสุขภาพของตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่สำคัญที่กลัวมากที่สุดก็กลัวเป็นมะเร็งน่ะแหละ
เค้าแบ่งประเภทของยาย้อมผมเป็น 3 ประเภทหลักคือแบบชั่วคราว แบบกึ่งถาวรและแบบถาวร 2 ประเภทแรกไม่ค่อยได้รับความนิยมเพราะสระผมไม่กี่ทีสีก็หาย แบบที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือแบบที่ 3 ที่ใช้สารเคมีล้วนๆ มาฟอกเม็ดสีผมเดิมออกแล้วใส่สารเคมีที่ทำให้เกิดสีใหม่ลงไป หนังศีรษะก็ระคายเคืองมากบ้างน้อยบ้างและดูดซึมเอาสารเคมีพวกนี้ไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายคนคิดว่าจะเสี่ยงเฉพาะผิวหนังศีรษะอักเสบและมะเร็งของหนังศีรษะ แต่จากศึกษาของสหรัฐอเมริกาโดยศึกษาทบทวนรายงานทางการแพทย์จำนวน 79 รายงานทั่วโลกในปี 2548 พบว่าการใช้ยาย้อมผมเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งระบบเลือด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน 1.15 เท่า มะเร็งเต้านม 1.06 เท่าและมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 1.01 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สารเคมีย้อมผมก่อนปี 2523 อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันองค์กรที่ดูแลด้านมะเร็งระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศและสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกายังไม่มีบทสรุปยืนยัน เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนและเพียงพอว่ายาย้อมผมทำให้เกิดมะเร็งได้จริง แต่ก็ยังไม่อาจแน่ใจได้ตลอดไป หน่วยงานด้านสุขภาพก็ยังติดตามเฝ้าระวังจากผลการวิจัยใหม่ๆ ต่อไปอย่างใกล้ชิด
ก่อนจากอยากฝากถึงมือใหม่ที่ยังไม่เคยย้อมผม หากคิดจะย้อมโดยใช้สารเคมีก็ขอให้คิดให้จงหนัก โดยเฉพาะคนที่ผมบางหรือผมน้อยอยู่แล้ว เพราะการย้อมผมทำให้รากผมไม่แข็งแรง ผมหลุดล่วงได้ง่ายอยู่แล้ว พอดีพอร้ายหากเกิดแพ้ยาย้อมผมขึ้นมาละก็ ถึงขั้นหมดหัวไม่รู้เรื่อง คนที่เคยย้อมอยู่แล้วก็ไม่ควรย้อมบ่อย แนะนำว่าไม่ควรเกิน 9 ครั้งต่อปี ใครที่เคยย้อมกันเดือนละครั้งปีหนึ่งก็ 12 ครั้งเกินแน่นอนย้อมผมโกรกผมบ่อยๆ ไม่รู้สารเคมีอะไรเข้าไปสะสมในร่างกายเราบ้าง ทางที่ดีพอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงของสังขารร่างกายนั่นแหละครับดีที่สุด…เชื่อผมสิ