เครดิต : คมชัดลึก 1 ก.พ. 2556
กลับมาอีกแล้วกับเทศกาลมหาภัยต่อสุขภาพพี่น้องชาวภาคเหนือตอนบน นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ผู้บริหารระดับสูงในภาคการเมืองและภาคราชการเห็นความสำคัญโดยออกมามอบนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนกันแต่เนิ่นๆ โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเผาในช่วง 80 วันตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.- 10 เม.ย. 2556 ตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นช่วงที่มักเกิดปัญหาหมอกควันไฟป่าในระดับวิกฤต ซึ่งมีทั้งไฟป่าจากความแห้งแล้งตามธรรมชาติและที่พวกเรามีส่วนสำคัญในการป้องกันได้คือไฟจากการเจตนาเผาสวนไร่นากำจัดหญ้าวัชพืชจากฝีมือมนุษย์เอง
ไม่ว่าควันไฟจะเกิดจากสาเหตุใดล้วนมีผลเสียต่อสุขภาพเพราะมันเต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งมีผลต่อสุขภาพโดยตรงทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง แบบเฉียบพลันทำให้เกิดการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ ดวงตา ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการไอ เจ็บคอ หอบหืด แสบจมูก แสบหู แสบตา ผิวหนังอักเสบ เรียกว่าหลีกเลี่ยงลำบากเพราะทุกคนต้องหายใจกันทั้งนั้น ถึงแม้จะใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นแล้วก็ตาม ก็ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วไม่ค่อยจะอยู่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรป้องกันเลย ผลกระทบต่อสุขภาพแบบเรื้อรังที่น่ากลัวจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในภาคเหนือ เพราะนอกจากฝุ่นละอองแล้วยังมีสารพิษที่เป็นสารก่อมะเร็งจากการเผาไหม้คือสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนหรือสารพีเอเอช นอกจากนั้นพวกโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น ไอเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคไซนัสอักเสบยังตามมาถามหาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากโทษภัยที่มีต่อสุขภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาวดังที่กล่าวแล้ว ยังทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ ทั้งจากการที่ประชาชนในพื้นที่จะเจ็บป่วยไม่สามารถออกมาทำมาหากินได้ตามปกติแล้ว นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวก็ลดน้อยลง ยิ่งถ้าหมอกควันมากๆ การคมนาคนสัญจรทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศก็อันตราย ถ้ามีการเลื่อนหรือยกเลิกหลายๆ เที่ยวบินก็ยิ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปอีก เลิกเผาเถอะครับ อย่าคิดว่าเผาไม่มากแค่ไม่กี่ไร่ เพราะคิดกันแบบนี้หลายๆ คนต่างคนต่างเผากระจายไปทั่ว ควันเลยมากมายมหาศาล ที่สำคัญบทลงโทษและการบังคับใช้กฎหมายต้องไม่ย่อหย่อน จับจริง ปรับจริง ขังจริงกันเสียที จริงๆ แล้วถ้ามีการแข่งขันประกวดตัวชี้วัดสภาพอากาศของแต่ละพื้นที่แต่ละอำเภอแต่ละจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดเรื่องค่าความร้อน ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ จำนวนโรงเรียนที่ต้องปิดการเรียนการสอนและจำนวนเที่ยวบินที่งดบิน โดยมีหน่วยงานกลางที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับจังหวัดเข้ามาติดตามตัวชี้วัดอย่างใกล้ชิดแบบเดียวกับการลดอุบัติเหตุทางท้องถนนในช่วงวันหยุดยาว ที่สำคัญที่สุดถ้าอยากให้ได้ผลชัดเจนเป็นรูปธรรม ต้องมีมาตรการให้คุณให้โทษหน่วยงานในระดับพื้นที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจน แค่นี้รับรองว่าจะขยันวิ่งทำงานกันจนฝุ่นตลบ หมอกควันจะจางหายเร็วกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนครับ…เชื่อผมสิ