เครดิต : คมชัดลึก 16 มี.ค. 2555
หมอกจางจางและควันคล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้…เพลงฮิตในอดีตของ “คุณเบิร์ด” ธงไชย หลายคนคงจำได้ดี ยิ่งช่วงนี้เกิดสถานการณ์หมอกควันที่ปกคลุมหลายจังหวัดในภาคเหนือ ถ้าเป็นหน้าหนาวอาจจะแยกกันได้เพราะพอสายหน่อยอากาศเริ่มร้อนหมอกก็จะจางหายไป แต่ฤดูร้อนแบบนี้พี่น้องชาวภาคเหนือเห็นสภาพอากาศขมุกขมัวแบบนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากควันสถานเดียว อันที่จริงสมัยก่อนก็ไม่เห็นมีปัญหาเรื่องหมอกควันมากมายอะไรขนาดนี้ ถ้าจำไม่ผิดสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงในช่วง 5 ปีหลัง จริงๆ แล้วไม่ควรใช้คำว่าสถานการณ์หมอกควัน แต่ควรใช้คำว่าสถานการณ์ควันไฟให้ชัดเจนตรงประเด็นกันไปเลยเพราะมัวแต่ใช้คำว่าหมอกควันทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากฝีมือมนุษย์ จากการเผาป่าเผาไร่เลื่อนลอยก่อนลงมือปลูกใหม่ ซึ่งนับวันปัญหานี้จะเริ่มลุกลามบานปลายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนจะเป็นปัญหาระดับภูมิภาคเข้าไปทุกที
ในหมอกควันที่ว่านั้นเต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก เจ้าฝุ่นละอองที่ว่านี่แหละที่เป็นตัวปัญหาเพราะใน 8 จังหวัดภาคเหนือ มันมีปริมาณสูงเกินค่ามาตรฐานไปหลายเท่าตัว พวกฝุ่นละอองเหล่านี้มีผลต่อสุขภาพโดยตรงทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง แบบเฉียบพลันทำให้เกิดการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ ดวงตา ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการไอ เจ็บคอ หอบหืด แสบจมูก แสบหู แสบตา ผิวหนังอักเสบ เรียกว่าหลีกเลี่ยงลำบากเพราะทุกคนต้องหายใจกันทั้งนั้น ถึงแม้จะใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นแล้วก็ตาม ก็ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กจิ๋วไม่ค่อยจะอยู่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรป้องกันเลย
ส่วนผลกระทบต่อสุขภาพแบบเรื้อรังที่น่ากลัวจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปอดซึ่งเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในภาคเหนือ เพราะนอกจากฝุ่นละอองแล้วยังมีสารพิษที่เป็นสารก่อมะเร็งจากการเผาไหม้คือสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือสารพีเอเอช ถ้าหากปล่อยให้สถานการณ์หมอกควันแย่ลงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงเลยว่าตัวเลขคนเป็นมะเร็งปอดในภาคเหนือจะเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน นอกจากนั้นพวกโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น ไอเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง โรคไซนัสอักเสบยังตามมาถามหาอย่างต่อเนื่อง
พ่อแม่พี่น้องชาวเกษตรกรภาคเหนือที่รัก หยุดเผาป่าเถอะครับ ลำพังแค่ไฟป่าตามธรรมชาติโลกก็ร้อนพอแล้ว อย่าทำบาปทำกรรมด้วยการเผาป่าเผาไร่เลื่อนลอย ทำให้เพื่อนมนุษย์ต้องเจ็บป่วยกันมากมายขนาดนี้ ที่สำคัญญาติพี่น้องรวมทั้งตัวคนเผาเองที่อยู่ใกล้ที่เผานั่นแหละที่รับฝุ่นละอองไปอย่างเต็มๆ มากกว่าใครที่ไหนเพราะจากผลสำรวจพบว่าเขตนอกเมืองมีปริมาณฝุ่นละอองสูงกว่าในเมืองถึง 3 เท่า อย่าคิดสั้นๆ ว่าใช้เผาเอาเร็วดี ไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องเปลืองแรงเอาแต่สบายท่าเดียว แต่ต้องมาเสียสุขภาพ เจ็บป่วยทำงานก็ไม่ได้ ที่สำคัญเดี๋ยวมะเร็งปอดมาทักทายไม่รู้ด้วยนะ…ขอบอก