เครดิต : คมชัดลึก 25 มี.ค. 2554
แม้ว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มจะได้รับการจัดการผ่านไปแล้วก็ตาม ข่าวการจับกุมผู้ประกอบการโรงงานบรรจุน้ำมันพืชใช้แล้วที่นำไปบรรจุปี๊บส่งขายพ่อค่าแม่ค้าตามตลาด โดยใช้วิธีการเพียงแค่กรองด้วยผ้ากรองเพื่อให้ดูใสขึ้นนั้น แม้ทางโรงงานจะอ้างว่าจะนำไปส่งให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ก็นับว่าเป็นการกระทำที่ขาดคุณธรรมและขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมอย่างยิ่ง
เหตุเพราะในน้ำมันทอดซ้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืชหรือน้ำมันจากสัตว์ก็ตาม มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมากมายหลายชนิด ที่สำคัญเป็นสารก่อมะเร็ง ตัวหลักๆ ที่เป็นผู้ร้ายหัวหน้าแก๊งคือ สารโพลาร์และสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ซึ่งเกิดขึ้นหลังการทอดอาหาร ยิ่งใช้น้ำมันเก่าทอดซ้ำบ่อยเท่าไหร่ สารพวกนี้ยิ่งเกิดมากขึ้น ในทางปฏิบัติ เราใช้ชุดทดสอบคุณภาพน้ำมันทอดซ้ำอย่างง่าย โดยเป็นการตรวจหาระดับสารโพลาร์ ถ้าค่าสารโพลาร์ไม่เกินร้อยละ 25 ของน้ำหนัก น้ำมันนั้นยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ว่าปลอดจากสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เนื่องจากไม่สามารถวัดได้โดยชุดทดสอบคุณภาพอย่างง่ายดังกล่าว
จากการศึกษาพบว่า การใช้น้ำมันทอดซ้ำทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง เนื้องอกในตับ ปอด และก่อให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวในหนูทดลอง ที่น่าสนใจก็คือไม่เพียงแต่อันตรายที่เกิดจากการบริโภคด้วยการกินเท่านั้น การหายใจเอาไอน้ำมันหรือควันจากการใช้น้ำมันทอดซ้ำก็ทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน จากงานวิจัยที่ประเทศจีนพบว่า ผู้หญิงจีนที่ไม่สูบบุหรี่จำนวนมากป่วยเป็นมะเร็งปอด ซึ่งเมื่อดูจากประวัติแล้ว ส่วนใหญ่สูดควันจากการทำอาหารด้วยน้ำมันเก่าที่มีควันมากผิดปกติ เรียกได้ว่าความเสี่ยงเทียบเท่าการสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าเลยทีเดียว แม้ว่าทางการจะกำหนดโทษกรณีผู้ประกอบการอาหารที่ใช้น้ำมันทอดอาหาร ซึ่งมีค่าสารโพลาร์เกินร้อยละ 25 ของน้ำหนัก จำหน่ายแก่ผู้บริโภค ถือเป็นการจำหน่ายอาหารผิดมาตรฐาน ฝ่าฝืนมาตรา 25 (3) ของพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ.2522 ระวางโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท แต่ก็ยังมีผู้ประกอบกิจการอาหารทอดบางราย ยอมรับกับทีมงานรายการสารคดีรายการหนึ่งว่า ใช้น้ำมันทอดในกระทะเวียนซ้ำไปเรื่อยนานเป็นเดือน…อุแม่เจ้า !!! โดยให้เหตุผลว่าเพื่อลดต้นทุนจากปัญหาราคาน้ำมันพืชขึ้นราคา แล้วประเภทที่ทำไปโดยขาดความรู้หรือไม่ยอมรับไม่เปิดเผยอีกไม่รู้เท่าไหร่ ก็ได้แต่ภาวนาว่าร้านขายของทอดประเภทนี้ คงมีไม่กี่ร้านเมื่อเทียบกับจำนวนร้านขายของทอดประเภททอดกันให้เห็นๆ ขายกันหน้าร้านที่มีการประมาณว่ามีจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 แสนร้านทั่วประเทศ นี่ยังไม่นับรวมร้านประเภททอดหลังร้านหรือทอดมาจากที่อื่นอีกจำนวนมาก ยิ่งมาเจอวิกฤติการณ์น้ำมันปาล์มขาดตลาด น้ำมันพืชขึ้นราคา ไม่อยากจะคิดเลยว่าคนไทยมีโอกาสได้รับความเสี่ยงจากน้ำมันทอดซ้ำมากเพียงใด
พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงคุณพ่อบ้านแม่บ้านที่เคารพครับ เอาน้ำมันพืชใช้แล้วไปขายเพื่อผลิตพลังงานไบโอดีเซลดีกว่านะครับ ตอนนี้บางจากเขาให้ราคาดีกิโลกรัมละ 18 บาทแล้ว อย่าเอามาทำอาหารซ้ำเลยครับ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งตัวคนทอดก็โดน คนกินก็โดน ไม่ใช่แค่เสี่ยงเป็นมะเร็ง โรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันสะสมในตับ ไขมันในเลือดสูง ก็เป็นผลที่ตามมาจากการบริโภคน้ำมันทอดซ้ำทั้งนั้น เพียงเพื่อความประหยัดไม่ถูกเรื่องแถมยังขาดคุณธรรมแบบนี้ ไม่คุ้มนะครับ และที่สำคัญ เป็นบาปเปล่าๆ เชื่อผมซิ…