เครดิต : คมชัดลึก 8 พ.ค. 2558
ใครที่ไม่เคยมีญาติหรือคนใกล้ตัวเป็นมะเร็ง จะไม่มีทางเข้าใจเลยว่ามันสับสนกับชีวิตขนาดไหน เพราะปัจจุบันข้อมูลข่าวสารการรักษาโรคมะเร็งมีมากมายมหาศาลทั้งของไทยและต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีการโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์การรักษาทางเลือกต่างๆ มากมาย มีทั้งเชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง สิ่งสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกการรักษาของผู้ป่วยและญาติคือ เวลาของผู้ป่วยที่เหลืออยู่น้อยลงทุกที และเรื่องของความกลัวผลข้างเคียงของการรักษาแผนปัจจุบัน จนทำให้ผู้ป่วยหลายต่อหลายราย หลงทางผิดไปเลือกการรักษาที่ยังไม่มีผลยืนยันชัดเจน
ปกติแล้วเมื่อผู้ป่วยถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเรียบร้อยแล้ว โดยได้ข้อมูลครบถ้วนทั้งอวัยวะที่เป็น ประเภทของเซลล์มะเร็ง และระยะของโรคที่ลุกลามไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีการส่งตัวไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมะเร็งอวัยวะหรือสาขานั้นๆ ซึ่งแพทย์กลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามระบบอวัยวะนั้นๆ เช่น ผู้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากที่ยังไม่แพร่กระจาย ก็ถูกส่งตัวไปพบศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อทำการผ่าตัดต่อมลูกหมากออก มะเร็งของอีกหลายอวัยวะก็มีแพทย์หลายระบบมาร่วมกันให้การรักษา แพทย์อีกกลุ่มที่ดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งด้วยก็คือแพทย์เฉพาะทางสาขามะเร็ง แบ่งย่อยๆ ออกเป็นหลายสาขา เช่น สาขาอายุรศาสตร์โรคมะเร็งทำหน้าที่ให้ยาเคมีบำบัด สาขารังสีรักษามีหน้าที่ให้การฉายแสง ฝังแร่ สาขาศัลยศาสตร์มะเร็งทำหน้าที่ผ่าตัดเอาส่วนที่เป็นมะเร็งออกจากร่างกาย สาขามะเร็งนรีเวชผ่าตัดมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง นอกจากนั้นยังมีสาขาย่อยๆลงไปอีก เช่น อายุรศาสตร์โลหิตวิทยาให้การรักษามะเร็งระบบเลือด เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ส่วนมะเร็งในเด็กนอกจากจะมีกุมารแพทย์สาขามะเร็งวิทยาให้การดูแลแล้ว ก็ยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของอวัยวะนั้นๆ ร่วมดูแลด้วยเช่นกัน
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาส่วนใหญ่แล้วจะมีองค์ความรู้ในสาขาที่ตนเองเชี่ยวชาญเป็นหลัก เช่น ผลการตอบสนองการรักษาถ้าใช้วิธีที่ตัวเองเชี่ยวชาญ ผลข้างเคียงที่จะตามมาหลังการรักษานั้น ความรู้ภาพรวมของการรักษาแผนปัจจุบันในมะเร็งของอวัยวะที่ตัวเองเชี่ยวชาญ นอกจากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลศูนย์มะเร็งและโรงเรียนแพทย์ ส่วนใหญ่จะติดตามวิทยาการการรักษาใหม่ๆ ในรูปแบบงานวิจัยที่สามารถนำมาใช้ในการเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้แก่ผู้ป่วย ทั้งนี้ต้องให้คำอธิบายอย่างชัดเจนและผู้ป่วยต้องยินยอมเข้าโครงการวิจัยโดยสมัครใจ แต่ก็ยังมีปัญหาว่าแต่ละสถาบันไม่ทราบข้อมูลโครงการวิจัยของสถาบันอื่น พูดง่ายๆ ว่ายังขาดการประสานงานด้านข้อมูลเรื่องการทำวิจัยของแต่ละสถาบันอยู่ ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่อยากเข้าร่วมโครงการขาดโอกาส บางคนก็ดั้นด้นไปรักษาในต่างประเทศ ทั้งที่ในบ้านเราก็มีใช้อยู่หลายแห่ง
ส่วนคำถามยอดฮิตที่ผู้ป่วยและญาติชอบมาปรึกษา ก็เกี่ยวกับการรักษาทางเลือกต่างๆ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่มักตอบว่าไม่ทราบหรือไม่น่าจะได้ผล เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันชัดเจน จึงไม่สามารถให้คำอธิบายในการรักษาทางเลือกเหล่านั้นได้อย่างที่ผู้ป่วยต้องการ ที่อยากจะฝากผู้ป่วยและญาติให้ฉุกคิดไว้เสมอก็คือ พวกการรักษาทางเลือกเหล่านี้ มักใช้กลไกทางการตลาดแบบเดียวกันคือ เอาคนที่ใช้วิธีการนั้นได้ผลมาเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งไม่รู้ว่าใช่ผู้ป่วยจริงรึเปล่า มีที่ใช้แล้วไม่ได้ผลแล้วเสียชีวิตไปกี่ราย ก็ไม่บอก ยังไงก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา ก็เลือกที่ปรึกษาปัญหามะเร็งให้ดีก่อนนะครับ…ขอบอก