เครดิต : คมชัดลึก 20 พ.ค. 2554
ภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคย คงหนีไม่พ้นภาพคนศีรษะโล้นผิวดำคล้ำร่างกายผ่ายผอมดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง หลายคนคงไม่รู้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นก่อนเป็นมะเร็ง มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนเกินปกติอยู่จำนวนไม่น้อย และที่สำคัญคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าภาวะอ้วนเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานและอีกมากมายหลายโรค แต่หลายคนคงคาดไม่ถึงว่าภาวะอ้วนเป็นสาเหตุสำคัญอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง เหตุเกิดจากการที่เซลล์ไขมันส่วนเกินมีการสร้างฮอร์โมนเพศที่มีชื่อว่าเอสโตรเจนเพิ่มมากขึ้น ในสภาวะปกติฮอร์โมนตัวนี้พบได้ทั้งในเพศชายและหญิง แต่ในเพศหญิงจะพบมากกว่าเพราะถูกสร้างจากรังไข่เป็นหลัก และถูกสร้างจากอวัยวะอื่นในปริมาณที่น้อยกว่า เช่น ตับ ต่อมหมวกไต เต้านมและเซลล์ไขมัน เจ้าฮอร์โมนตัวนี้องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มที่หนึ่ง กล่าวคือมีหลักฐานชัดเจนเพียงพอว่าเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งในคน เมื่อในร่างกายคนอ้วนมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงกว่าปกติจึงมีการจับกับตัวรับฮอร์โมนในเซลล์มากขึ้น ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของดีเอ็นเอในเซลล์กลายเป็นเซลล์มะเร็งและกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งมีการแบ่งตัวมากขึ้นในที่สุด ดังนั้นภาวะอ้วนจึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านมและมะเร็งเยื่อบุมดลูก
ทีนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเรามีน้ำหนักที่เหมาะสมหรือไม่ ก็สามารถคำนวณได้จากค่าดัชนีมวลกาย โดยการเอาน้ำหนักเป็นกิโลกรัมตั้ง หารด้วยความสูงเป็นเมตรได้เท่าไหร่เอาความสูงเป็นเมตรหารซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ถ้าค่าที่ได้อยู่ในช่วง 18-25 แปลว่าน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ถ้าเกินกว่านี้ก็เริ่มน้ำหนักเกิน ถ้าค่าที่ได้เกินกว่า 30 ก็เรียกว่าอ้วนได้อย่างเต็มปากเต็มคำ คราวนี้หากรูปร่างของคนอ้วนนั้นมีลักษณะรูปทรงแบบอ้วนลงพุงป่องตรงกลางตัว แบบนี้เขาเรียกว่าอ้วนแบบทรงลูกแอปเปิ้ล หุ่นแบบนี้มีผลเสียและมีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่า พวกนี้มักมีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงแล้วยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งมากกว่าพวกอ้วนแบบทรงลูกแพร์ที่มีไขมันสะสมมากบริเวณบั้นท้ายและต้นขา
เห็นมั้ยครับคนอ้วนนอกจากจะอุ้ยอ้าย อืดอาดยืดยาด เหนื่อยง่ายและขี้ร้อนแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายและโรคเรื้อรังมากมายหลายโรค ถ้าอ้วนมากๆ น้ำหนักเป็นร้อยๆ กิโล แค่การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายอาจไม่ได้ผล ต้องลงท้ายด้วยการผ่าตัดช่องท้องลดขนาดกระเพาะอาหาร การดูแลก็ยุ่งยากกว่า แผลก็หายช้ากว่า เกิดภาวะติดเชื้อง่ายกว่า ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ก็เกิดมากกว่าคนน้ำหนักปกติ ใครที่รู้ตัวว่าอ้วนหรือเริ่มจะอ้วนแล้วรีบไปลดน้ำหนักอย่างถูกต้องด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกายเป็นหลัก เอาแค่ลดได้สัปดาห์ละครึ่งกิโลก็โอเคแล้ว ใจเย็นๆ อย่าใจร้อนนะครับ หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดน้ำหนัก ยิ่งลดน้ำหนักเร็ว โอกาสที่น้ำหนักจะดีดกลับมาเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ร้ายที่สุดถึงขั้นเสียชีวิตได้ลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งฟรีๆ ทุกรายไป
ท้ายที่สุด หากปล่อยตัวให้อ้วนแล้วกลายเป็นมะเร็ง น้ำหนักจะลดสมใจแน่นอน แต่วิธีลดน้ำหนักด้วยการเป็นมะเร็งแบบนี้ไม่แนะนำและคงไม่มีใครอยากใช้วิธีพิสดารแบบนี้นะครับ…ขอบอก