เครดิต : คมชัดลึก 1 มิ.ย. 2555
ไม่รู้ว่าจะภาคภูมิใจหรือเศร้าใจดีกับข้อมูลการนำเข้าแร่ใยหินของประเทศไทยว่ามากเป็นอันดับ 3 ในทวีปเอเชียรองจากจีนและอินเดียและเป็นอันดับ 5 ของโลกเสียด้วยซ้ำ หากมองในมุมด้านเศรษฐศาสตร์หรือด้านอุตสาหกรรมคงจะภาคภูมิใจว่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้อย่างมหาศาลจากการนำเอาแร่ใยหินมาผลิตกระเบื้องมุงหลังคาแบบลอนลูกฟูก ท่อระบายน้ำ กระเบื้องปูพื้น ฉนวนกันความร้อน ฝ้าเพดาน ผ้าเบรก คลัตช์ พวกอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้แร่ใยหินเป็นฉนวนกันความร้อน ก็เช่น เครื่องไดร์เป่าผม เครื่องปิ้งขนมปัง สายเตารีดและอีกมากมาย แต่หากมองในแง่สุขภาพ ต้องบอกว่าเศร้าใจที่จะบอกว่าบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศที่ห่วงใยใส่ใจสุขภาพประชาชนกว่า 60 ประเทศได้สั่งห้ามนำเข้าแร่ใยหินมานานหลายปีแล้ว ในขณะที่พี่ไทยเรานำเข้ากันมานาน 50 กว่าปีๆ ละเป็นแสนๆ ตัน อุแม่เจ้า
จากชื่อใยหินก็บอกสรรพคุณแล้วว่าเมื่อนำไปใช้เป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามก็จะช่วยให้มีคุณสมบัติทนเหมือนหิน ทั้งทนกรดทนด่าง ทนความร้อน ทนไฟ แข็งแรงทนทาน มีความเหนียว ทนทานต่อแรงดึงได้สูง พอเข้าสู่ร่างกายด้วยการสูดดมละอองหรือฝุ่นของแร่ใยหินทีละเล็กทีละน้อยติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปีก็ทำให้เนื้อเยื่อที่เจ้าแร่ใยหินไปจับพลอยแข็งไปด้วย วงการแพทย์เขาทราบกันนาน 80 กว่าปีแล้วว่า เจ้าแร่ใยหินหรือแอสเบสตอสเป็นภัยต่อสุขภาพตั้งแต่ทำให้เกิดปอดและเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากการหายใจรับเส้นใยเข้าไป ทำให้ปอดแข็งเป็นพังผืดและเป็นแผล อาจลามไปที่กระบังลมและเยื่อบุช่องท้อง เมื่อปอดแข็งเป็นพังผืดจะทำให้เหนื่อยง่าย ไอเรื้อรัง นานวันเข้าก็กลายเป็นมะเร็งปอด มะเร็งเยื่อหุ้มปอด มะเร็งเยื่อบุช่องท้อง มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งรังไข่ จนองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศจัดให้แร่ใยหินไม่ว่าจะเป็นประเภทใดให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์แบบต้องไม่ลังเลใจมานานหลายปีแล้วเพราะมีหลักฐานยืนยันทั้งในสัตว์ทดลองและในคนชัดเจน
รู้อย่างนี้แล้วก็ต้องระวังตัวไว้ตราบใดที่บ้านเรายังอนุญาตให้นำเข้าแร่ใยหินมาผลิตของใช้ใกล้ตัวอยู่อย่างนี้ เมืองนอกที่มีการห้ามใช้แร่ใยหินเค้าใช้สารตัวอื่นทดแทน ถึงจะราคาแพงกว่าแต่ไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ แว่วว่ากระทรวงสาธารณสุขและภาคประชาสังคมต่างๆ กำลังช่วยกันผลักดันให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินกันอยู่ เป็นห่วงหนักหน่อยก็พวกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง พนักงานในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้แร่ใยหิน หรือแม้แต่คนงานรื้อถอนอาคาร เมืองนอกเวลาจะรื้อถอนอาคารเก่า เค้าจะมีการป้องกันอย่างดีไม่ให้มีการฟุ้งกระจายของแร่ใยหิน นอกจากนั้นกฎหมายบ้านเค้ายังกำหนดให้มีการติดป้ายฉลากคำเตือนว่าผลิตภัณฑ์นี้มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ มีอันตรายทำให้เกิดโรคปอด มะเร็งปอดและเยื่อหุ้มปอดเหมือนคำเตือนที่ซองบุหรี่บ้านเรายังไงยังงั้น ต่างกันตรงที่ไม่มีรูปสยดสยองประกอบ ยังไงก็ขอฝากผู้หลักผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจทั้งหลายในบ้านเมืองช่วยออกกฎหมายให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินให้เป็นจริงเสียทีนะครับ…เจ้านาย