เครดิต : คมชัดลึก 19 ก.ค. 2556
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในวงการมะเร็งไม่มีอะไรจะหวือหวาฮือฮาเท่ากับข่าวเครื่องมือแพทย์ตัวใหม่ในบ้านเรา ที่มีชื่อเรียกว่า “ไฮฟู่” ที่ทำให้ในสังคมโซเชียลมีเดียส่งต่อข้อมูลของเจ้าเครื่องมือตัวนี้ไปทั่ว ญาติสนิทมิตรสหายของคนไข้ช่วยกันบอกต่ออีกแรง ทำเอาผู้ป่วยมะเร็งต่างมีความหวัง พากันไปโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือนี้จนโรงพยาบาลแทบแตก
ที่เจ้าเครื่องมือตัวนี้มีชื่อแปลกประหลาดว่าไฮฟู่นั้น มาจากตัวย่อเป็นภาษาอังกฤษที่ว่า HIFU จากชื่อเต็มว่า High Intensity Focused Ultrasound แปลเป็นไทยให้เข้าใจง่ายๆ ว่าการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงหรืออัลตราซาวนด์มาเพิ่มความเข้ม และยิงไปที่เป้าหมายอย่างเจาะจงตรงตำแหน่งก้อนเนื้องอก เป็นเทคโนโลยีของประเทศจีนร่วมกับญี่ปุ่น ปกติแล้วเราใช้อัลตราซาวนด์ในการตรวจวินิจฉัยโรคเป็นหลัก ที่หลายคนคงเคยไปตรวจกันมาแล้วแบบที่มีการทาเจลลื่นๆ ที่ผิวหนังแล้วมีหัวอัลตราซาวนด์ถูไปถูมาไม่เจ็บตัวอะไร โดยอาศัยหลักการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงผ่านเนื้อเยื่อแล้วสะท้อนกลับมาที่หัวอัลตราซาวนด์ไปสร้างภาพให้ปรากฏบนจอเครื่องว่าหน้าตาอวัยวะภายในนั้นเป็นอย่างไร มีก้อนเนื้องอกผิดปกติภายในอวัยวะนั้นหรือไม่ หลักการเดียวกับการใช้ระบบโซนาร์หาฝูงปลาในเรือประมง เครื่องไฮฟู่ก็พัฒนาต่อยอดจากเครื่องอัลตราซาวนด์ปกติคือ มีการเพิ่มความเข้มของคลื่นเสียงและยิงไปที่ก้อนที่ได้จากภาพที่ปรากฏอยู่เพื่อให้คลื่นเสียงที่มีทั้งความถี่และความเข้มสูง ทำให้เกิดความร้อนไปทำลายเซลล์เนื้องอกให้ฝ่อลง ปกติแล้วการตรวจอัลตราซาวนด์ใช้ในการตรวจอวัยวะที่เป็นก้อนตันๆ เช่น ตับ ตับอ่อน มดลูก ต่อมลูกหมาก ไต หรือพวกหลอดเลือด ไม่สามารถผ่านกระดูกหรือใช้ในอวัยวะที่เป็นท่อกลวงหรืออวัยวะที่มีอากาศอยู่ภายใน เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ ปอดได้ เพราะฉะนั้นการใช้ไฮฟู่ไปยิงมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอดจึงไม่ได้ผลเพราะไม่สามารถจับภาพได้
มาถึงประเด็นหลักที่สำคัญที่ผู้ป่วยมะเร็งและญาติอยากรู้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้งเสียทีว่าเจ้าเครื่องไฮฟู่ตัวนี้รักษามะเร็งอะไร ระยะไหนได้บ้าง ก่อนอื่นต้องขอย้ำกันก่อนว่าการใช้ไฮฟู่มารักษาโรคมะเร็งยังไม่ใช่การรักษามาตรฐาน เป็นเพียงการรักษาที่อยู่ในขั้นการทดลองการวิจัย ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน กล่าวคือ ในการรักษาโรคมะเร็งทุกอวัยวะทุกระยะของโรคมีการรักษาที่เป็นมาตรฐานที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาเป็นขั้นเป็นตอนอย่างเป็นระบบ มีงานวิจัยจำนวนมากมาจากทั่วโลกและมีผู้ป่วยที่เข้าร่วมในงานวิจัยการรักษาวิธีนั้นจำนวนมาก จนได้ข้อสรุปที่เป็นมาตรฐานยอมรับกันทั่วโลกว่ามะเร็งอวัยวะนี้ระยะนี้ควรได้รับการรักษาวิธีการไหนอย่างไร
เพราะฉะนั้นข้อมูล ณ เวลานี้ ถ้าผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งตับ ตับอ่อน มดลูก ต่อมลูกหมาก ไตแต่ยังเป็นเฉพาะที่ ก็ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดหรือการรักษามาตรฐานอื่นๆ แต่ถ้าเป็นมะเร็งระยะลุกลามไปหลายอวัยวะหรือระยะสุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปใช้ไฮฟู่ทำลายมะเร็งอยู่ที่อวัยวะเดียว ส่วนกลุ่มผู้ป่วยที่อาจได้รับประโยชน์จากเครื่องไฮฟู่นี้ ก็พวกที่มะเร็งยังเป็นเฉพาะที่แต่ไม่สามารถรับการรักษามาตรฐานได้ เช่น กลัวการผ่าตัด ไม่แข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการรักษามาตรฐาน จำไว้นะครับว่าไฮฟู่ยังเป็นเพียงการวิจัยการทดลองการรักษาเฉพาะที่ ผลการรักษายังไม่ชัดเจน และที่สำคัญวงการแพทย์มีการรักษาเฉพาะที่อีกหลายอย่าง เช่น การใช้คลื่นวิทยุ และอื่นๆ อีกมากมายหลายวิธีที่ได้ผ่านการวิจัยและได้ผลสรุปที่ชัดเจนแล้วและยอมรับให้เป็นการรักษาทางเลือกอยู่แล้ว เพียงแต่กระแสการใช้เครื่องมือเหล่านั้นซบเซาลงไปไม่สดใสซาบซ่าเหมือนของใหม่ ก็แค่นั้นเองละครับ…เชื่อผมสิ