รู้ทันมะเร็ง : ข่าวร้อน ประเด็นมะเร็งรังไข่ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ
เครดิต : คมชัดลึก 4 มี.ค. 2559
สัปดาห์ที่แล้วไม่มีข่าวไหนจะฮอตฮิตติดชาร์ตข่าวสุขภาพไปมากกว่าเรื่องมะเร็งรังไข่ใน 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อศาลเมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ตัดสินให้บริษัทแป้งยักษ์ใหญ่รายหนึ่งจ่ายเงิน 72 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้ครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่ฟ้องร้องบริษัทว่าการทาแป้งฝุ่นบริเวณอวัยวะเพศทำให้เป็นมะเร็งรังไข่ และประเด็นที่ 2 คือดารานักแสดงสาวไทยอายุไม่มากวัย 30 ปีเศษ ออกมายอมรับว่าตนเองเป็นมะเร็งรังไข่ ได้รับการผ่าตัดและยาเคมีบำบัดมาถึง 5 คอร์สแล้ว จนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หัวสีหลายฉบับ
มาที่ประเด็นแรก แป้งฝุ่นเป็นสาเหตุของมะเร็งจริงหรือ แป้งฝุ่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ทำจากสารที่มีชื่อว่าทัลค์มาทำให้เป็นผงละเอียดเรียกว่าผงทัลคัม เป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม ซิลิกอนและออกซิเจน มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นและกลิ่นได้ดี ทำให้ผิวแห้งลื่นเนียน จึงนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักของแป้งฝุ่นชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแป้งฝุ่นทาตัว แป้งเด็ก แป้งน้ำ แป้งรองพื้น แป้งพัฟทาหน้า แป้งปัดแก้มและอายแชโดว์ เพราะมีรายงานการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ศึกษาผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 11,933 รายจากการทบทวนรายงานทางการแพทย์จำนวน 16 รายงาน พบว่าผู้หญิงที่ชอบใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากการที่ผงแป้งฝุ่นถูกดูดซึมผ่านทางช่องคลอดไปสู่รังไข่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่โดยเฉลี่ยตลอดชีวิตพบว่า ผู้หญิงที่ชอบใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีความเสี่ยงเฉลี่ยร้อยละ 1.8 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยงโดยเฉลี่ยของผู้หญิงทั่วไปไม่มาก เพราะความเสี่ยงเฉลี่ยต่อการเป็นมะเร็งรังไข่ของผู้หญิงทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ในขณะที่ปัจจุบันองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศก็ยังไม่จัดให้สารทัลค์ในแป้งฝุ่นเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก็ระบุว่าการใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงเอาแป้งฝุ่นไปทาบริเวณนั้นจะดีกว่า แต่การที่ศาลตัดสินไปเช่นนั้น ให้เหตุผลว่าบริษัทแป้งดังกล่าวไม่มีคำเตือนให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูล ในขณะที่ ณ เวลานี้ วงการแพทย์ก็ยังมีความเห็นไม่ต่างจากเดิมคือ ผงทัลคัมหรือแป้งฝุ่นยังจัดเป็นสารที่มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ แต่ยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าเป็นสาเหตุหรือเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์
ส่วนประเด็นที่ศิลปินสาวไทยวัยเพียง 30 ปีเศษเป็นมะเร็งรังไข่นั้น ถือว่าอายุน้อยกว่าผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ทั่วไป ถือว่ายังโชคดีมากที่ยังเป็นแค่ระยะเริ่มต้น และตัดสินใจถูกต้องที่ยอมรับยาเคมีบำบัดหลังการผ่าตัด เป็นน้อยๆ แต่รักษาครบถ้วนสมบูรณ์แบบนี้ โอกาสหายขาดสูงมาก เป็นกำลังใจให้นะครับ