เครดิต : คมชัดลึก 3 ก.ค. 2558
มีข่าวมาเป็นระยะๆ กับสมุนไพรประเภทต่างๆ ว่าสามารถรักษามะเร็งได้ ช่วงหลังนี้คงไม่มีสมุนไพรตัวไหนเป็นที่ฮือฮาเท่ากับทุเรียนเทศ หรือทุเรียนน้ำ หลังจากมีข่าวว่าผู้ป่วยมะเร็งรายหนึ่งดื่มน้ำต้มใบทุเรียนเทศทุกวันแล้วทำให้มะเร็งที่คอดีขึ้น จนทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกโรงมาชี้แจงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะมีการปั่นราคาใบทุเรียนเทศสูงถึงกิโลกรัมละ 600-800 บาท กันเลยทีเดียว
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า เจ้าต้นทุเรียนเทศเป็นพืชสมุนไพรของไทย แท้จริงแล้วมีถิ่นกำเนิดจากแถบเขตร้อนในทวีปอเมริกาใต้ เป็นพืชในวงศ์เดียวกับน้อยหน่า ลักษณะผลจึงมีหน้าตาคล้ายน้อยหน่าแต่มีหนามนิ่ม มีชื่อเรียกที่หลากหลาย เช่น ทุเรียนเทศ ทุเรียนน้ำ ทุเรียนแขก เพราะนำเข้ามาทางภาคใต้ของประเทศไทย ทุเรียนเทศมีผลสีเขียวรูปกลมรี มีหนามนิ่มที่เปลือก รสเปรี้ยวอมหวานเล็กน้อย คนไทยปักษ์ใต้นิยมนำผลอ่อนใช้ทำแกงส้ม เชื่อม และคั้นทำเครื่องดื่ม ส่วนเมล็ดใช้เบื่อปลาและเป็นยาฆ่าแมลงได้ ส่วนใบมีสรรพคุณทางยาใช้รักษาโรคผิวหนัง แก้ไอ ปวดตามข้อและความดันโลหิตสูง จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า สารสกัดจากใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ระงับปวด ต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลและไขมันในเลือดของหนูที่เป็นเบาหวานได้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมะเร็ง พบว่าสารสกัดจากใบทุเรียนเทศมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ มีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด ตับ ตับอ่อนและผิวหนังในหลอดทดลอง โดยสารสำคัญในทุเรียนเทศที่มีผลต่อเซลล์มะเร็งคือ แอนโนนาเชียสอะซีโตจีนิน หรือสารเอซีจี พบมากในส่วนที่เป็นผลและใบของทุเรียนเทศ โดยออกฤทธิ์ไปขัดขวางไม่ให้มีการสลายสารอาหาร ยับยั้งไม่ให้เซลล์สร้างพลังงาน ไม่ว่าเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ปกติ อย่างไรก็ตาม ใบทุเรียนเทศมีสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ประสาทของมนุษย์ และยังพบว่ามีผลต่อการทำงานของไตของหนูทดลองที่ได้รับสารสกัดใบทุเรียนเทศในปริมาณสูงอีกด้วย
เช่นเดียวกับที่เคยเขียนถึงสมุนไพรตัวอื่นๆ ก่อนหน้านี้มาแล้วว่า สมุนไพรส่วนใหญ่รวมทั้งทุเรียนเทศด้วยนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาในเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงในหลอดทดลอง ยังต้องมีการศึกษาอย่างเป็นระบบทั้งในสัตว์ทดลองและในคนที่เป็นมะเร็ง ต้องใช้เวลาอีกหลายปีในอีกหลายขั้นตอน เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีความแตกต่างและซับซ้อนกว่าผลที่ได้จากการศึกษาที่ได้จากเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง นอกจากนั้นยังต้องมีการศึกษาเรื่องพิษวิทยาของสมุนไพร ปริมาณของสารสกัดที่เหมาะสมที่สามารถทำลายเซลล์มะเร็ง รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาของมะเร็งชนิดต่างๆ
เพราะฉะนั้นผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังสนใจจะใช้ทุเรียนเทศรักษาโรคที่ตนเองเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบแคปซูล ชาชงหรือกินสดๆ ท่านจะรู้ได้ยังไงว่าต้องกินปริมาณแค่ไหนจึงจะพอดี ในเมื่อยังไม่มีการศึกษาในคนที่เป็นมะเร็งจริงๆ กินมากไปก็เกิดผลข้างเคียงทำให้ร่างกายแย่ลงไปอีก กินน้อยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่สำคัญยังอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาแผนปัจจุบัน ที่แย่ที่สุดคือ พวกที่หันไปกินทุเรียนเทศอย่างเดียว ทั้งๆ ที่โรคของตนเองยังเป็นไม่มาก ยังมีโอกาสหายขาดสูงถ้าได้รับการรักษาตามมาตรฐาน กลุ่มนี้น่าเสียดายโอกาสที่สุดเลยล่ะครับ