เครดิต : คมชัดลึก 20 เม.ย. 2555
บรรยากาศทางการเมืองอันร้อนรุ่มเวลานี้พอๆ กับสภาพอากาศหน้าร้อนของบ้านเรา ทำเอาผู้คนทั้งประเทศอดเป็นห่วงมิได้ว่าเมื่อไหร่จะปรองดองสมานฉันท์กันได้จริงเสียที เชื่อว่าพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติทั้งหลายคงอยากเห็นประเทศไทยก้าวผ่านบรรยากาศแห่งความขัดแย้งแตกแยกที่เป็นอยู่อย่างนี้โดยเร็วกันทั้งนั้น ปล่อยทิ้งไว้แบบนี้นานไปจะเยียวยาไม่ไหวเหมือนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายยังไงยังงั้น
วกกลับมาเข้าเรื่องรักษามะเร็งแบบปรองดอง ปรองดองที่ว่านี้มี 2 นัยคือ หนึ่งระหว่างแพทย์ผู้ให้การรักษาและผู้ป่วยและญาติที่ได้รับการรักษา แน่นอนครับว่าแพทย์ก็อยากให้ผลการรักษาออกมาดี ผู้ป่วยก็อยากจะหายขาดจากโรคหรือมีชีวิตอยู่ได้นานที่สุดกันทั้งนั้น บ่อยครั้งที่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ค่อยจะปรองดองกัน ยกตัวอย่าง แพทย์ไม่เปิดใจกว้างไม่มีเวลาที่จะให้โอกาสผู้ป่วยและญาติซักถามรายละเอียดของการรักษาหรือปรึกษาหารือเรื่องทางเลือกอื่นในการรักษา มิหนำซ้ำยังต่อว่าผู้ป่วยและญาติหากไปเลือกการรักษาวิธีการอื่น เช่นเดียวกับผู้ป่วยและญาติที่อาจจะไม่มารับการรักษามาตรฐานที่ได้รับคำแนะนำหรือมารับการรักษาอย่างไม่สม่ำเสมอหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำสำคัญที่ต้องปฏิบัติ ซ้ำร้ายกลับทำตรงกันข้ามเสียอีก
นัยที่สองคือระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์ทางเลือก ปัจจุบันมีการแอบอ้างวิธีการรักษาแบบใหม่ว่าเป็นการแพทย์ทางเลือก แน่นอนครับว่าใครที่ไม่เคยเป็นมะเร็งหรือไม่เคยมีญาติสนิทเป็นมะเร็งจะไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ มีข่าวว่าอะไรรักษามะเร็งได้หรือใครมาบอกว่าคนนั้นคนนี้หายจากมะเร็งได้ ผู้ป่วยและญาติก็อยากจะไปลองการรักษาแบบที่ว่ากันทั้งนั้น ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าต้องใช้ปัญญาและเหตุผลแยกแยะให้ได้ว่าน่าเชื่อถือเพียงใด มีหลักฐานทางการแพทย์สนับสนุนหรือไม่ อย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือต้องยึดการรักษามาตรฐานไว้เป็นการรักษาหลัก เหตุผลเพราะมีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันชัดเจนว่ารักษาตัวโรคมะเร็งชนิดนั้นได้ผลดีกว่าวิธีการอื่น เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งการรักษาหลักการรักษามาตรฐาน ส่วนจะเพิ่มการรักษาทางเลือกอื่นที่ไม่มีอันตรายร้ายแรงต่อร่างกายเป็นการเสริมสุขภาพโดยรวมก็สุดแท้แต่ โดยเฉพาะการแพทย์ทางเลือกที่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันว่าส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งหมดก็เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ตัวผู้ป่วยเป็นหลัก
ก่อนจากอยากฝากผู้มีอำนาจทั้งหลายว่าหากยังขัดแย้งกันต่างฝ่ายต่างมีทิฐิไม่มีลดราวาศอกกันเลยแบบนี้ สังคมไทยมันจะไปต่อไม่ไหว ลดอัตตา มองเป้าหมายหลักคืออนาคตของประเทศชาติเป็นหลัก เพื่อนบ้านอย่างพม่าเค้าเริ่มเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เปิดประเทศมากขึ้นแล้วพอดีพอร้ายพี่ไทยเราจะกลายเป็นล้าหลังกว่าทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนหากยังทะเลาะกันไม่เลิกแบบนี้นะครับ…เชื่อผมซิ