เครดิต : คมชัดลึก 24 ส.ค. 2558
โรคติดเชื้อหรือโรคที่เกิดจากเชื้อโรค เคยเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการตายที่สำคัญเมื่อ 50 ปีก่อน หลังจากที่เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น ทั้งความรู้เรื่องสาเหตุของโรคและการค้นพบยารักษาโรคตัวใหม่ๆ ทำให้ปัจจุบันโรคติดเชื้อเดิมๆ หมดพิษสงลง แต่ภาวะติดเชื้อก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งคือ เป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งและเป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งอาการทรุดลงจนอาจถึงขั้นเสียชีวิต
ในส่วนของการเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรคประเภทไหน ตั้งแต่เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อปาราสิตหรือพยาธิชนิดต่างๆ ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ทั้งสิ้น เริ่มกันที่เชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไรหรือเชื้อเอชไพโลไร ที่เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและชนิดซีที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็งและกลายเป็นมะเร็งเซลล์ตับในที่สุด เชื้อไวรัสฮิวแมนแปปปิโลม่าหรือไวรัสเอชพีวีเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งอวัยวะเพศหญิง มะเร็งช่องคลอด มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำคอด้านในบริเวณโคนลิ้น เพดานอ่อนและต่อมทอนซิล เชื้อไวรัสเอปสไตน์บาร์เป็นสาเหตุของมะเร็งหลังโพรงจมูก ในส่วนของเชื้อปาราสิตหรือพยาธิที่ยังเป็นปัญหาสำคัญในบ้านเราก็คือ การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับจากการกินปลาน้ำจืดดิบและเป็นสาเหตุหลักของมะเร็งท่อน้ำดี ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อจากเชื้อประเภทใดก็ตาม เชื้อโรคกลุ่มที่เป็นสาเหตุมะเร็งพวกนี้มักเป็นการติดเชื้อแบบต่อเนื่องซ้ำๆ แบบเรื้อรัง และมักไม่แสดงอาการเหมือนการติดเชื้อแบบเฉียบพลัน จนทำให้เซลล์ปกติค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
ส่วนเชื้อโรคที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิต ส่วนใหญ่มักเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียแบบเฉียบพลัน ซึ่งการติดเชื้อนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็นระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องใส่ท่อหรือสายสวนต่างๆ เข้าไปในร่างกาย ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงสูงขึ้นไปอีกที่จะเกิดการติดเชื้อมากกว่าผู้ป่วยมะเร็งที่ไม่มีท่อหรือสายสวน ทั้งนี้เนื่องมาจากตัวผู้ป่วยมะเร็งเองนั้น มักมีภาวะภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทานที่ต่ำกว่าคนปกติอยู่แล้ว เมื่อได้รับการรักษาประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสงก็ยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันแย่ลงไปกันใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ยาเคมีบำบัดและการฉายแสงที่จะมีผลกระทบต่อไขกระดูกค่อนข้างสูง อันส่งผลให้การสร้างเม็ดเลือดขาวของไขกระดูกลดต่ำลง นอกจากนั้นประสิทธิภาพการทำงานต่อสู้กับเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาวก็ลดลงกว่าปกติเช่นกัน ทำให้ต้องฉีดยากระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเม็ดเลือดขาวมากขึ้นในกรณีที่จำนวนเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติมาก เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อรุนแรงได้
รู้อย่างนี้แล้วทั้งคนปกติและผู้ป่วยมะเร็งก็ต้องระวังรักษาสุขภาพ ให้ห่างไกลจากการติดเชื้อทั้งหลายที่ว่า โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งไม่ต้องไปหาเรื่องใส่ตัว ด้วยการไปหายาหม้อยาลูกกลอนมากิน เพราะมักจะมีสเตียรอยด์ผสมอยู่ด้วย ยิ่งทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ติดเชื้อง่ายไปกันใหญ่นะครับ…เชื่อผมสิ