เครดิต : คมชัดลึก 5 ก.พ. 2559
เดือนกุมภาพันธ์นอกจากจะเป็นเดือนแห่งความรักแล้ว ก่อนหน้าที่จะถึงวันวาเลนไทน์ 10 วันคือวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันมะเร็งโลก โดยองค์การอนามัยโลกและสมาคมต่อต้านมะเร็งสากล เพื่อให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกจัดกิจกรรมเพื่อเป็นการรณรงค์ให้เกิดความตระหนักถึงความรุนแรงของโรคร้ายนี้ มาตั้งแต่ปี 2550 โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือลดอุบัติการณ์การเป็นโรคมะเร็งของประชาชนให้น้อยลง และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งแล้ว ให้อยู่ได้ยาวนานมากขึ้น ที่สำคัญคือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
จากความรุนแรงของปัญหาโรคมะเร็งที่คุกคามสุขภาพของคนทั่วโลก ในปี 2555 รายงานจากองค์การอนามัยโลก พบผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกจำนวน 14.1 ล้านคน เสียชีวิตจำนวน 8.2 ล้านคนและคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า จะมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งสูงถึง 22 ล้านคน ในจำนวนนี้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นประชากรในประเทศที่มีรายได้น้อยหรือปานกลาง ซึ่งรวมถึงประเทศไทยเราที่โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา
โดยในปี 2559 นี้ กำหนดหัวข้อหลักการรณรงค์ว่า “ We can. I can.” เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความร่วมมือของแต่ละภาคส่วนในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดย “We can” เป็นความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในขณะที่ “ I can ” เป็นบทบาทของประชาชนในการร่วมต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยจุดเน้นที่สำคัญของ We can คือพวกเราในฐานะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน สามารถดำเนินการด้านต่างๆ อาทิ ผลักดันนโยบาย สร้างแรงบันดาลใจ ลงมือปฏิบัติตามแผน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพที่ดี สนับสนุนการเข้าถึงการรักษาโรคและการให้บริการอย่างเป็นธรรม เร่งผลิตบุคลากรที่รอบรู้เรื่องโรคมะเร็ง สร้างเครือข่ายในการขับเคลื่อนเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง ผลักดันการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงให้เห็นผล สนับสนุนการลงทุนด้านการควบคุมและป้องกันโรคมะเร็ง และร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในขณะที่ I can มีจุดเน้นที่สำคัญ เช่น คนปกติทั่วไปสามารถเลือกใช้ชีวิตที่ลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง เชื่อมั่นว่าการตรวจพบโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาหายขาดได้ ให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในส่วนของผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งแล้ว ก็สามารถดูแลตนเองและมีชีวิตอยู่กับโรคอย่างมีคุณภาพดั่งเช่นคนปกติ แบ่งปันประสบการณ์และให้ความหวังแก่ผู้ป่วยมะเร็งรายอื่น
ปีนี้อย่ามัวแต่รอคอยให้ถึงวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักเพื่อคนใกล้ตัวเราอย่างเดียว ส่งต่อความรักความห่วงใยสุขภาพให้คนปกติมีพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง และอย่าลืมแบ่งปันความรักให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งแล้ว ให้มีกำลังใจต่อสู้กับโรคร้ายนี้ต่อไปกันนะครับ