เครดิต : คมชัดลึก 30 ต.ค. 2558
ภาพผู้ป่วยสูงอายุชาวอีสานมาโรงพยาบาลด้วยอาการตัวเหลืองตาเหลือง คันตามตัว เบื่ออาหาร ท้องมาน ที่เคยพบเห็นเป็นประจำในทุกโรงพยาบาล จนแพทย์แทบไม่ต้องตรวจเพิ่มเติมก็บอกได้ว่าเป็นมะเร็งท่อน้ำดีระยะลุกลามนั้น ต่อไปคงจะลดน้อยลงไป เพราะทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมแรงร่วมใจกันมากขึ้น ที่สำคัญคือพี่น้องประชาชนต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค คือต้องเลิกกินปลาน้ำจืดมีเกล็ดดิบหรือสุกๆ ดิบๆ อย่างจริงจังกันเสียที สำหรับคนที่เลิกกินได้เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว แต่อาจมีการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับแอบแฝงอยู่ จากสถิติพบว่ามีคนไทยประมาณ 8 ล้านคนที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ก็ต้องรับประทานยาถ่ายพยาธิให้เป็นเรื่องเป็นราวตามคำแนะนำของแพทย์ จะได้กำจัดต้นตอของสาเหตุที่ทำให้เกิดเซลล์ท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง จนเซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด นอกจากนั้นต้องหลีกเลี่ยงสารก่อมะเร็งพวกไนโตรซามีนจากอาหารหมักดองพวกปลาร้า น้ำปลาร้าที่ชอบใส่กันในการปรุงอาหารอีกด้วย
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเรื่องหลักๆ ของการป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็งท่อน้ำดี แต่การที่จะเอาชนะมะเร็งท่อน้ำดีได้นั้น ต้องพยายามหาวิถีทางที่จะคัดกรองค้นหาโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นให้ได้แต่เนิ่นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้สูง ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นมากๆ มีอาการอย่างที่ว่าแล้วค่อยมาพบแพทย์ แม้ว่าในวงการวิชาการด้านระบาดวิทยาโรคมะเร็งยังไม่มีคำแนะนำให้ทำการคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีในระดับประชากร เนื่องจากยังไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข พูดง่ายๆ คือ ลงทุนลงแรงไปตรวจค้นหามะเร็งท่อน้ำดีระยะเริ่มต้นด้วยวิธีการต่างๆ แต่จำนวนผู้ป่วยที่ค้นหาได้นั้น ได้จำนวนไม่มากพอ แตกต่างจากการทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่ทำในระดับประชากรแล้ว มีหลักฐานชัดเจนว่าคุ้มค่ากับทุนที่ลงไป อย่างไรก็ตาม หลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในส่วนกลางและในพื้นที่เองก็ไม่ได้นิ่งดูดาย เนื่องจากปัญหาโรคมะเร็งท่อน้ำดีเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในบ้านเรา เพราะประเทศไทยมีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งท่อน้ำดีสูงที่สุดในโลก โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยเพศชายพบ 87.7 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ส่วนเพศหญิงพบน้อยกว่าคือ 36.3 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ปัจจุบันจึงเกิดโครงการตรวจคัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีระยะเริ่มต้นในหลายพื้นที่ของภาคอีสาน โดยเน้นการตรวจค้นไปที่กลุ่มเป้าหมายหลักคือ อายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปที่มีประวัติอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น เคยติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ เคยได้รับการรักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ เคยกินปลาน้ำจืดดิบหรือสุกๆ ดิบๆ ด้วยวิธีการทำอัลตร้าซาวด์ดูท่อน้ำดี ตับและอวัยวะช่องท้องส่วนบนว่าเริ่มมีความผิดปกติหรือไม่ ถ้าเริ่มมีความผิดปกติของท่อน้ำดีแต่ยังไม่ชัดเจน ก็มีการเฝ้าระวังด้วยการติดตาม นัดมาตรวจเป็นระยะทุก 6 เดือน แต่ถ้าสงสัยมากหรือมีความผิดปกติชัดเจน ก็ต่อ ด้วยการตรวจละเอียดมากยิ่งขึ้นและรีบผ่าตัดรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็มีโอกาสหายขาดสูง
ในหลายพื้นที่ที่ยังขาดรังสีแพทย์ที่สามารถทำอัลตร้าซาวด์ได้อย่างชำนาญ เค้าก็ใช้วิธีการฝึกอบรมแพทย์ทั่วไปและพยาบาลให้มีทักษะและความรู้ในการทำอัลตร้าซาวด์เบื้องต้นได้อย่างถูกต้อง นอกจากนั้นยังใช้ระบบไอทีในการส่งต่อผลการทำอัลตร้าซาวด์ เพื่อขอคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่ไม่แน่ใจ นับเป็นอีกโครงการดีๆ ที่น่าชื่นชมในความร่วมมือ เพื่อเอาชนะมะเร็งท่อน้ำดีในบ้านเราครับ