เครดิต : คมชัดลึก 29 ม.ค. 2559
แม้ว่ามะเร็งถุงน้ำดีจะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย ต่างจากมะเร็งท่อน้ำดีที่พบได้บ่อยกว่าในบ้านเรา แต่ความสำคัญของโรคนี้คือ มักเกิดภายหลังการมีนิ่วในถุงน้ำดีเป็นเวลานาน มีการอักเสบเรื้อรังเป็นๆ หายๆ จนเซลล์เยื่อบุในถุงน้ำดีปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
อันที่จริงแล้วสาเหตุของมะเร็งถุงน้ำดีมีมากมายหลายอย่าง ได้แก่ ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ติ่งเนื้อในถุงน้ำดี ภาวะแคลเซียมจับถุงน้ำดี ความพิการของถุงน้ำดี ความอ้วน การสูบบุหรี่ เป็นต้น แต่สาเหตุที่พบบ่อยและที่สำคัญเป็นสาเหตุที่ป้องกันการเป็นมะเร็งได้ก็คือ นิ่วถุงน้ำดี การปล่อยนิ่วถุงน้ำดีทิ้งไว้ในร่างกายทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุถุงน้ำดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ก็ทำให้เกิดโรคถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน มีไข้ ปวดท้องใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ ในกรณีที่ความรุนแรงน้อยกว่า ก็เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ อาการก็มีตั้งแต่ท้องอืด มีลมมากในท้อง อาหารไม่ย่อย ปวดจุกเสียดแน่นท้องบริเวณใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่เป็นๆ หายๆ หลายคนพาลเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคกระเพาะ โดยไม่มีทางทราบเลยว่าเป็นนิ่วถุงน้ำดี ถ้าไม่ได้ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบนเพิ่มเติม กลุ่มที่มีนิ่วในถุงน้ำดีแต่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยนี่แหละที่มักละเลย เมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีนิ่วเม็ดขนาดใหญ่กว่า 2 ซม. มีโอกาสเป็นมะเร็งได้มากกว่านิ่วที่มีขนาดเล็กกว่า
ผู้ป่วยมะเร็งถุงน้ำดีส่วนใหญ่เมื่อมีอาการมาพบแพทย์นั้น โรคมักอยู่ในระยะที่มีการลุกลามไปอวัยวะข้างเคียง เช่น ตับ ท่อน้ำดี และต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเรียบร้อยแล้ว อาการที่พบบ่อยก็คือตาเหลืองตัวเหลือง คันตามตัว ปวดท้อง ท้องมาน อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม อ่อนเพลีย น้ำหนักลด มีน้อยรายมากที่จะโชคดีที่ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี แล้วตรวจชิ้นเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งถุงน้ำดีในระยะเริ่มแรก การรักษาที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีพร้อมทั้งเนื้อตับบริเวณข้างเคียง รวมถึงท่อน้ำดีและต่อมน้ำเหลืองโดยรอบออก และทำทางเดินน้ำดีให้ใหม่ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่สามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกออกได้หมด ส่วนใหญ่ทำได้แค่ผ่าตัดระบายน้ำดีหรือใส่ท่อระบายน้ำดี จะเป็นแบบออกภายนอกร่างกายหรืออยู่ภายในร่างกายก็ว่ากันเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสม การให้ยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงก็มักไม่ค่อยได้ผล การพยากรณ์โรคไม่ค่อยดี ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มักเป็นผู้หญิงสูงอายุ เสียชีวิตค่อนข้างเร็ว
ใครที่อายุเกิน 40 ปีและอ้วนน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย มีโอกาสเป็นนิ่วถุงน้ำดีได้มาก ส่วนใครที่รู้ตัวว่ามีนิ่วในถุงน้ำดีและมีอาการแล้ว ก็ไม่ควรเก็บไว้ ตัดทิ้งไปเถอะครับ คนเราไม่มีถุงน้ำดีก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนคนที่รู้ว่าตัวเองมีนิ่วแล้วแต่โชคดียังไม่มีอาการ ก็อย่าชะล่าใจ ไปปรึกษาศัลยแพทย์แต่เนิ่นๆ ดีกว่าครับ…เชื่อผมสิ