“เคมีบำบัด” กับการรักษามะเร็ง

“เคมีบำบัด” ยาเพื่อทำลายหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง “การใช้ยาเคมีบำบัด” เป็นแนวทางการรักษาโรคมะเร็งที่หลายคนคงเคยได้ยินกันบ่อย ๆ เคมีบำบัดถือเป็นหนึ่งในแนวทางหลักของการรักษาโรคมะเร็ง เป็นวิธีการที่ใช้ยาเคมีเข้าไปทําลายหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยมีวัตถุประสงค์หลายด้าน เช่น เพื่อการรักษา เพื่อการควบคุมไม่ให้มะเร็งแพร่กระจาย และเพื่อบรรเทาอาการสำหรับผู้ป่วยมะเร็งระยะแพร่กระจายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การทำเคมีบำบัดจะต้องมีการวางแผนการรักษาตามขั้นตอน เพื่อให้ผลของการรักษามีประสิทธิภาพและผู้ป่วยได้รับผลประโยชน์สูงสุด เบื้องต้นแพทย์จะตรวจร่างกาย เพื่อพิจารณาปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการทำเคมีบำบัดและเป็นการยืนยันว่าผู้ป่วยพร้อมที่จะได้รับการรักษาตามสภาวะของแต่ละบุคคลหรือไม่ เช่น ประเภทของมะเร็ง ขนาดหรือตำแหน่งการเกิด อายุของผู้ป่วย และผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของผู้ป่วย การทำเคมีบำบัดอาจใช้ยาชนิดเดียวหรือใช้ยาจากหลายกลุ่มร่วมกันแล้วแต่กรณี การทำเคมีบำบัดอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตบ้าง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษาจะช่วยบรรเทาความเครียด รวมไปถึงลดผลกระทบทางด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความวิตกกังวล รวมไปถึงแจ้งแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรเพราะอาจไปลดประสิทธิภาพของยาเคมีบำบัดหรือก่อให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นได้ และเป็นที่ทราบกันดีว่าการให้ยาเคมีบำบัดนั้นจะไม่ได้ออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงที่เซลล์มะเร็งเพียงอย่างเดียว แต่อาจส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติทั่วไปและการทำงานของอวัยวะอื่นๆ ทำให้เกิดอาการข้างเคียงอีกด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปากอักเสบ เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานต่ำ เหนื่อยง่าย ท้องเสีย ผมร่วง และเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งอาการเหล่านี้จะมากหรือน้อยขึ้นกับปริมาณและชนิดของยาเคมีบำบัดที่ใช้ ความแข็งแรงของร่างกายผู้ป่วยแต่ละราย ตลอดจนความพร้อมด้านจิตใจของผู้ป่วยเอง อย่างไรก็ตามอาการจากผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวในช่วงเวลาที่กำลังได้รับยาหรือหลังได้รับยาในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ผู้ป่วยจึงไม่ควรหมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรค

ข่าวจริง! ตาเหลือง ตัวเหลือง เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนมะเร็งตับและท่อน้ำดี

ตามที่มีการเตือนสัญญาณโรคมะเร็งตับ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าประเด็นดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง มะเร็งตับและท่อน้ำดีเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย แต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 20,000 คน มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับ และมะเร็งท่อน้ำดีตับ สาเหตุของมะเร็งเซลล์ตับ หลายคนอาจทราบแต่เพียงว่าเกิดจากการดื่มเหล้า แต่ในความเป็นจริงยังมีสาเหตุอื่น ๆ ซึ่งที่พบบ่อยในบ้านเราคือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีและซี เป็นผลทำให้เซลล์ตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง มีไขมันสะสมในตับมากขึ้นและเกิดผังผืดขึ้นแทนที่เซลล์ตับปกติ ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีตับพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจากการกินปลาน้ำจืดดิบ การรับประทานอาหารที่มีดินประสิว และไนไตรท์ เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนมไส้กรอก อาหารที่ปนเปื้อนเชื้อรา รวมถึงการมีภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง และเป็นนิ่วในทางเดินน้ำดีในตับอีกด้วย ผู้ป่วยแต่ละรายอาจอาจมีอาการแสดงของโรคแตกต่างกันและมักไม่มีอาการในระยะแรก โดยอาการส่วนใหญ่ที่พบ คือ แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเป็นประจำ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย การป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิด ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ…