ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผู้ป่วยโรคมะเร็งห้ามรับประทานปลา เพราะโปรตีนจากปลาทำให้เกิดการอักเสบระดับเซลล์

ข้อเท็จจริง : จากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่าเป็นข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ยืนยันแน่ชัดว่าโปรตีนจากปลาทำให้เกิดการอักเสบระดับเซลล์ และไม่มีข้อห้ามในการรับประทานปลาในผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผลกระทบ : ปลาถือเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย และไขมันต่ำ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการโปรตีนสูงกว่าคนปกติ ซึ่งโปรตีนถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของร่างกายช่วยให้ผู้ป่วยแข็งแรง ไม่อ่อนเพลีย และช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย การจำกัดปริมาณโปรตีนหรือการรับประทานอาหารแบบผิดวิธีตามความเชื่อที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพผู้ป่วยและอาจกระทบต่อการวางแผนการรักษา ข้อแนะนำ : ผู้ป่วยมะเร็งควรเลือกรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความต้องการของพลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ที่จำเป็นต่อร่างกายตามอายุ กิจกรรม และระดับความรุนแรงของโรค เพื่อป้องกันน้ำหนักลด การสูญเสียกล้ามเนื้อ และไม่ให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีสุขภาพที่แข็งแรง และลดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทางโรงพยาบาลจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการคอยให้คำปรึกษากับผู้ป่วยอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือhttp://www.nci.go.th/ หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! คลื่นแผ่จากเสาส่งโทรศัพท์มือถือและคลื่นไวไฟ เป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการก่อมะเร็ง

ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่าคลื่นแผ่จากเสาส่งโทรศัพท์มือถือและคลื่นไวไฟ เป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการก่อมะเร็ง ข้อสรุป : ไม่จริง/ข่าวปลอม ผลกระทบ : คลื่นจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่วิทยุหรือเรียกสั้น ๆ ว่า “คลื่นวิทยุ” มีความถี่อยู่ในช่วงระหว่าง 3 กิโลเฮิรตซ์ จนถึง 300 กิกะเฮิรตซ์ ส่วนคลื่นไวไฟ (WiFi) เป็นระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สาย โดยใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุเช่นเดียวกัน จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณของคลื่นวิทยุที่ส่งออกมาจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือจากสถานีฐานในระยะ 400 เมตร พบว่ามีระดับความแรงตํ่ามากเมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในมาตรฐานความปลอดภัยสากล และนอกจากนี้ยังไม่พบงานวิจัยที่ยืนยันชัดเจนว่าคลื่นวิทยุเหล่านี้จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นจากการเผยแพร่ข้อมูลว่าคลื่นแผ่จากเสาส่งโทรศัพท์มือถือและคลื่นไวไฟ เป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการก่อมะเร็งนั้น ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันว่าการสัมผัสคลื่นวิทยุในชีวิตประจำวันของบุคคลทั่วไปจะก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ได้ ข้อแนะนำ : สำหรับความกังวลถึงผลกระทบของคลื่นวิทยุต่อสุขภาพนั้น พบว่าการใช้โทรศัพท์แนบหูต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจทำให้รู้สึกร้อนที่ใบหู การหลีกเลี่ยงคลื่นวิทยุจากโทรศัพท์มือถือ อาจทำได้โดยการใช้อุปกรณ์ Hand free เช่น เปิดลำโพง ใช้หูฟัง เป็นต้น ในกรณีเด็กที่ใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอเป็นประจำมักมีอาการแสบหรือปวดตา สายตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน และอาจก่อให้เกิดอาการของโรคสมาธิสั้นเทียม (Pseudo-ADHD) ได้ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอมดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! สมุนไพรสมอไทย ใช้รักษาโรคมะเร็งหาย

ตามการปรากฏข้อมูลเรื่องสมุนไพรสมอไทย ใช้รักษาโรคมะเร็งหาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากการเผยแพร่ข้อความถึงประเด็นเรื่อง รักษาโรคมะเร็งหายได้ด้วย สมอไทย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาชี้แจงว่า ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนหรืองานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าสมอไทยสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ โดยสมอไทยนั้น เป็นสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาได้หลายส่วนทั้ง ดอก ผล แก่น และเปลือกต้น สารประกอบหลักที่พบในผลสมอไทย เช่น แทนนิน สารกลุ่มพอลีฟีโนลิก (กรดแกลลิค กรดแอลลาจิก และคอริลาจิน) วิตามินเอ และซี สารเหล่านี้มีฤทธิ์ในต้านอนุมูลอิสระ ต้านจุลินทรีย์บางชนิดที่ก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร บรรเทาอาการท้องผูกท้องเฟ้อ ทำให้สมอไทยถูกนำมาใช้ในตำรับยาแผนไทย และได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติโดยเป็นส่วนประกอบของยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ทั้งนี้ สมุนไพรมีคุณประโยชน์แต่ควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัช และวิธีการใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับโรค การรับประทานเพื่อหวังผลในด้านการรักษาโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือhttp://www.nci.go.th/ หรือโทร. 02-202-6800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนหรืองานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าสมุนไพรสมอไทยสามารถรักษาโรคมะเร็งได้ สมอไทยถูกนำมาใช้ในตำรับยาแผนไทย…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! รักษามะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย

ตามที่มีการแชร์คลิปวิดีโอ เกี่ยวกับกับประเด็นเรื่อง รักษามะเร็งระยะสุดท้าย ด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีคลิปวิดีโอแนะนำผู้ที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายให้รักษาด้วยการดื่มน้ำปั่นผักจิงจูฉ่าย ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ได้ชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ โดยผักจิงจูฉ่าย (Artemisia lactiflora) เป็นพืชท้องถิ่นของประเทศจีนนิยมนำมาใช้ปรุงอาหารอุดมไปด้วยวิตามิน ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารเบต้าแคโรทีน ไรโบฟลาวิน และแอสคอบิกแอซิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตามงานวิจัยที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ในระดับห้องทดลอง และปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งทั้งนี้การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ http://www.nci.go.th/ หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าผักจิงจูฉ่ายช่วยรักษามะเร็งระยะสุดท้ายในมนุษย์ได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! มะละกอช่วยให้เนื้องอกหดตัว

ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเรื่องมะละกอช่วยให้เนื้องอกหดตัว ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการบอกต่อโดยระบุว่ามะละกอช่วยให้เนื้องอกหดตัว ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่ายังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าสารสกัดมะละกอเข้มข้นช่วยลดขนาดของเนื้องอกในมนุษย์ได้ ซึ่งมะละกอ (Carica papaya) เป็นผลไม้ที่นิยมนำมารับประทานทั้งสดและนำไปปรุงอาหาร รวมถึงยาแผนโบราณต่าง ๆ โดยปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สารสกัดมะละกอต้านมะเร็งมีเพียงงานวิจัยในหลอดทดลองเท่านั้นและมีจำนวนน้อยมาก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีกหลายขั้นตอน ดังนั้นจากข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้จึงไม่สามารถสรุปได้ว่าสารสกัดมะละกอช่วยลดขนาดของเนื้องอกในมนุษย์ได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารหรือสมุนไพรเพื่อหวังผลในการรักษานั้น ผู้ป่วยโรคมะเร็งควรปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ รวมถึงอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (nci.go.th) หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าสารสกัดมะละกอเข้มข้นช่วยลดขนาดของเนื้องอกในมนุษย์ได้

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ออกกำลังกายหนักอาจทำให้มะเร็งโตขึ้น

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องออกกำลังกายหนักอาจทำให้มะเร็งโตขึ้น ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการบอกต่อข้อมูลโดยระบุว่าออกกำลังกายหนักอาจทำให้มะเร็งโตขึ้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่ายังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าออกกำลังกายหนัก อาจทำให้มะเร็งโตขึ้น การออกกำลังกายถือเป็นการทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ เช่น ช่วยควบคุมน้ำหนัก เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระบบไหลเวียนโลหิต เป็นต้น สำหรับผู้ป่วยมะเร็งนั้นควรเลือกวิธีการออกกำลังกายให้มีความเหมาะสมตามสภาวะและความพร้อมของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ป่วยมะเร็งในแง่ของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รักษามวลกล้ามเนื้อ ลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา และลดความเครียด ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการกด กระแทกข้อต่อต่าง ๆ ผู้ป่วยมะเร็งควรเลือกวิธีการออกกำลังกายตามความเหมาะสมผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการฉายแสง ควรงดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษารวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายเพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ  และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าออกกำลังกายหนัก อาจทำให้มะเร็งโตขึ้น

ข่าวปลอม อย่าแชร์! หมากพลูช่วยต้านมะเร็ง และลดกลิ่นปาก

  ตามที่มีการแนะนำข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับประเด็นเรื่องหมากพลูช่วยต้านมะเร็ง และลดกลิ่นปาก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีที่มีข้อมูลระบุว่าหมากพลูช่วยต้านมะเร็ง และลดกลิ่นปาก ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่ายังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าหมากพลูช่วยต้านมะเร็ง และลดกลิ่นปากได้ ซึ่งการเคี้ยวหมากพลูเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของสังคมไทยในอดีต โดยมีความเชื่อว่าการเคี้ยวหมากพลูนั้นจะทำให้สุขภาพช่องปากจะดี ฟันแน่น ไม่มีกลิ่นปาก อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นข้อมูลในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหมากพลูต้านมะเร็งในมนุษย์นั้น พบว่าผลหมากมีสารจำพวกอัลคาลอยด์ (alkaloid) ประกอบด้วยอาเรเคน (arecaine) และอาเรโคลีน (arecoline) ซึ่งเป็นสารเสพติดอย่างอ่อน กระตุ้นประสาทส่วนกลาง การบริโภคหมากต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก นอกจากนี้องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ (The International Agency for Research on Cancer ; IARC) กำหนดให้หมากพลูที่ผสมใบยาสูบและไม่ผสมใบยาสูบเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่ม 1 คือ เป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/หรือสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (nci.go.th)หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ :…

สารเซซามินจากงาดำช่วยทำลายเกราะเซลล์มะเร็ง โดยให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายตัวเซลล์มะเร็งได้ จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสารเซซามินจากงาดำช่วยทำลายเกราะเซลล์มะเร็ง โดยให้เม็ดเลือดขาวเข้าไปทำลายตัวเซลล์มะเร็งได้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง ข้อมูลงานวิจัยด้านการใช้สารสกัดเซซามินในการทำลายเซลล์มะเร็งนั้นส่วนใหญ่เป็นการศึกษาในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าสารดังกล่าวส่งผลในการทำลายเซลล์มะเร็งในมนุษย์ โดยเซซามิน (Sesamin) เป็นสารสำคัญที่พบได้จากงาดำ จัดอยู่ในกลุ่มสารลิกแนนที่สามารถละลายได้ในไขมัน ซึ่งข้อมูลการศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพของสารเซซามินในด้านที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง พบว่าสารนี้ทำให้เกิดกลไกการยับยั้งการเจริญและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นการศึกษาวิจัยในระดับหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น และปัจจุบันยังไม่พบรายงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดถึงประสิทธิภาพของสารเซซามินในการทำลายเซลล์มะเร็งที่ศึกษาในมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (nci.go.th) หรือโทร. 02 2026800

ข่าวปลอม อย่าแชร์! หากผู้ชายมีความเครียดและทำงานหนัก จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องหากผู้ชายมีความเครียดและทำงานหนัก จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการบอกต่อข้อมูลโดยระบุว่าหากผู้ชายมีความเครียดและทำงานหนัก จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่าการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากนั้น ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีข้อมูลว่าอายุที่มากขึ้นและมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันแน่ชัดว่าความเครียด และทำงานหนัก จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ความเครียด คือ การตอบสนองของร่างกายต่อสภาวะกดดันทางกาย จิตใจ และอารมณ์ จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าความเครียดอาจเกี่ยวข้องกับการขยายขนาดและแพร่กระจายของมะเร็งในผู้ป่วยโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตามความเครียดไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง แต่ความเครียดอาจนำไปสู่การมีพฤติกรรมเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งได้ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา เป็นต้น  ความเครียดส่งผลกระทบหลายด้าน ดังนั้นควรหาวิธีผ่อนคลายจากภาวะเครียด เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมที่ชอบ นั่งสมาธิ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และหากมีความผิดปกติเกี่ยวกับการถ่ายปัสสาวะ ได้แก่ ปัสสาวะออกยาก ปัสสาวะไม่สุด เป็นต้น ควรรีบพบแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ  และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ :…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! บอระเพ็ดพุงช้าง ช่วยรักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ

ตามที่ได้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง บอระเพ็ดพุงช้าง ช่วยรักษาโรคมะเร็งต่าง ๆ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากที่มีการแชร์ข้อมูลว่าบอระเพ็ดพุงช้าง นำมาดองกับเหล้ากินเป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยรักษาโรคมะเร็งต่างๆ ได้นั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า บอระเพ็ดพุงช้าง (Stephania suberosa) เป็นไม้เถามีหัวกลมโผล่พ้นดิน จากการสืบค้นข้อมูลรายงานวิจัยส่วนใหญ่เป็นการศึกษาเบื้องต้นในการตรวจหาสารประกอบที่สำคัญของบอระเพ็ดพุงช้างซึ่งพบว่าพืชในสกุลนี้ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด เช่น แอลคาลอยด์ (alkaloids) ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) และสเตียรอยด์ (steroids) เป็นต้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่พบงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าบอระเพ็ดพุงช้างสามารถใช้เป็นยารักษามะเร็งในมนุษย์ได้ ซึ่งผู้ที่จะใช้สมุนไพรควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่พบงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าบอระเพ็ดพุงช้างสามารถใช้เป็นยารักษามะเร็งในมนุษย์ได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข