ข่าวปลอม อย่าแชร์! วิธีดูแลรักษาร่างกายเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ข้อเท็จจริง : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานสมุนไพรและงดรับประทานเนื้อสัตว์จะช่วยรักษาอาการป่วยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ในมนุษย์ ข้อสรุป : ข่าวปลอม ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูล “วิธีดูแลรักษาร่างกายเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” โดยให้รับประทานสมุนไพรต่าง ๆ หลายชนิดร่วมกับการงดรับประทานเนื้อสัตว์นั้น จากการสืบค้นข้อมูลวิชาการ พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าสมุนไพรตามที่มีการเผยแพร่สามารถช่วยรักษาอาการป่วยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ในมนุษย์ได้ นอกจากนี้การงดรับประทานเนื้อสัตว์เพื่อหวังผลในการรักษาอาการป่วยจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเนื้อสัตว์ถือเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน เช่น เนื้อปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ ถั่วชนิดต่าง ๆ และธัญพืชขัดสีที่ให้ทั้งโปรตีนและเส้นใยอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่หลากหลายในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น รับประทานเนื้อแดงไม่เกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ รวมถึงการจำกัดการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูป การรับประทานสมุนไพรจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการโดยคำนึงถึงความต้องการของพลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและมีสุขภาพที่แข็งแรง ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! เซลล์มะเร็งจำเป็นต้องใช้กลูตามีนเพื่อการเจริญเติบโตและการอยู่รอด

ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีข้อมูลวิชาการที่ยืนยันว่าการงดรับประทานอาหารที่มีกลูตามีนจะช่วยลดการเจริญของเซลล์มะเร็ง ข้อสรุป : ข่าวปลอม กลูตามีน (Glutamine) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ และยังสามารถพบได้ในอาหารทั้งจากพืชและสัตว์ เช่น ผักโขม กะหล่ำปลี เนื้อสัตว์ นม ไข่ เป็นต้น ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าไม่ควรรับประทานเนื้อสัตว์ นม และไข่เนื่องจากเป็นแหล่งของกลูตามีนซึ่งจะทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตนั้น จากการสืบค้นข้อมูลพบว่ากลูตามีนถือเป็นกรดอะมิโนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ช่วยในกระบวนการเผาผลาญและให้พลังงานแก่เซลล์ ช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การทำงานของสมอง การสร้างกล้ามเนื้อ และส่งเสริมระบบการย่อยให้เป็นปกติ ดังนั้นการงดรับประทานอาหารที่มีกลูตามีนจึงไม่ได้ช่วยลดการเจริญของเซลล์มะเร็ง อีกทั้งยังอาจส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ร่างกายจะผลิตกลูตามีนลดลงอยู่แล้วทำให้มีการดึงกลูตามีนจากกล้ามเนื้อมาใช้ และหากยิ่งงดเว้นการรับประทานอาหารที่มีกลูตามีนจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อฝ่อลีบ ร่างการทรุดโทรม ขาดสารอาหาร ส่งผลกระทบต่อการรักษาและอาจเป็นสาเหตุทำให้มะเร็งลุกลามได้ ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ปรุงสุก สะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่สุก อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮล์ การสูบบุหรี่ เป็นต้น ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! วิธีทดสอบการเป็นโรคมะเร็ง ด้วยใบอังกาบ

ข้อเท็จจริง : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลวิชาการที่ระบุว่าใบอังกาบสามารถทดสอบการเป็นโรคมะเร็งได้  ข้อสรุป : ข่าวปลอม ต้นอังกาบ (Barleria cristata) เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำหรับยาสมุนไพรพื้นบ้าน ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ไตรเทอร์ปีน ฟลาโวนอยด์ และฟีนิลเอทานอยด์ไกลโคไซด์ เป็นต้น ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเมื่อเคี้ยวใบอังกาบให้ละเอียด 30 วินาที จะพบว่าลิ้นเป็นสีม่วงดำนั้น จากการสืบค้นข้อมูลวิชาการ พบว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริงและปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าใบอังกาบสามารถทดสอบการเป็นโรคมะเร็งได้ ควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์! มีกลิ่นปากที่ค่อนข้างรุนแรง เป็นอาการของมะเร็งช่องปาก

ข้อเท็จจริง : การมีกลิ่นปากไม่ได้บ่งชี้ว่ากำลังเป็นโรคมะเร็งช่องปากเสมอไป แต่การมีกลิ่นปากอาจมีผลมาจากปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ได้เช่นกัน ข้อสรุป : ข่าวบิดเบือน มะเร็งช่องปากเป็นก้อนเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นกับอวัยวะภายในช่องปาก เช่น ริมฝีปาก ลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม พื้นปากใต้ลิ้น เป็นต้น สาเหตุของมะเร็งช่องปาก เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การเคี้ยวหมากพลู การติดเชื้อ HPV สำหรับอาการของโรคมะเร็งช่องปากมีหลากหลายอาการ เช่น อาการเรื้อรังจากการเป็นแผลในช่องปาก มีก้อนหรือตุ่มนูนขึ้นในช่องปาก เคี้ยวหรือกลืนอาหารลำบากมากกว่า 2-3 สัปดาห์ ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ามีกลิ่นปากที่ค่อนข้างรุนแรงเป็นอาการของมะเร็งช่องปากนั้น จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าการมีกลิ่นปากไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นมะเร็งช่องปากเสมอไป แต่การมีกลิ่นปากอาจมีผลมาจากปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ แผลในช่องปาก หรือโรคปริทันต์ อย่างไรก็ตามหากมีอาการผิดปกติในช่องปากเรื้อรังร่วมกับมีกลิ่นปากควรรีบพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ควรดูแลสุขอนามัยช่องปากและฟันเป็นประจำและพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ นอกจากนี้หากรักษาสุขภาพในช่องปากดีแล้วกลิ่นปากยังไม่หายและมีอาการผิดปกติภายในช่องปากควรปรึกษาแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ:…