ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์!! มะตูมแขกช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง

  ข้อเท็จจริง : ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าสารสำคัญของมะตูมแขกช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในระดับหลอดทดลองเท่านั้น อย่างไรก็ตามยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพการทำลายเซลล์มะเร็งที่ศึกษาในมนุษย์ ข้อสรุป : ข่าวบิดเบือน           ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอว่าการรับประทานมะตูมแขกช่วยทำลายเซลล์มะเร็งนั้น จากการสืบค้นข้อมูลพบว่ามะตูมแขก (Schinus terebinthifolius Raddi) เป็นสมุนไพรพื้นบ้านของประเทศทางอเมริกาใต้นิยมใช้เปลือกต้นและใบเป็นยาช่วยสมานแผล แก้อักเสบ ขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดข้อ ปัจจุบันมีงานวิจัยที่ศึกษาสารสำคัญจากใบ เปลือกต้น และผลของมะตูมแขกซึ่งพบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น สารฟลาโวนอยด์ สารแทนนิน และกรดแกลลิก โดยสารเหล่านี้มีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นการศึกษาวิจัยในระดับหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น และยังไม่พบรายงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดถึงประสิทธิภาพของมะตูมแขกหรือสารสกัดจากมะตูมแขกในการทำลายเซลล์มะเร็งที่ศึกษาในมนุษย์           สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ควรศึกษาข้อมูลและข้อควรระวังต่าง ๆ รวมทั้งปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด           ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์!!สารไนไทรท์เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปอด

  ข้อเท็จจริง : สารไนไทรท์ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์อาหาร อย่างไรก็ตามการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีสารนี้ในปริมาณที่มากเกินพอดีและต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ข้อสรุป : ข่าวบิดเบือน ไนไทรท์ (Nitrite) เป็นวัตถุเจือปนอาหารมักใช้ในรูปของเกลือ เช่น โซเดียมไนไทรต์ โพแทสเซียมไนไทรต์ทำหน้าที่เป็น “สารกันเสีย” นิยมนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน แหนม กุนเชียง เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ยืดอายุการเก็บรักษา และช่วยคงสภาพสีของผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดปริมาณที่อนุญาตให้ใช้โซเดียมไนไทรต์ในผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปได้ไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งหากร่างกายได้รับสารนี้ในปริมาณมากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน นอกจากนี้สารไนไทรต์ยังอาจทำปฏิกิริยากับสารประกอบเอมีนภายใต้สภาวะความเป็นกรดในกระเพาะอาหารทำให้เกิดสารไนโตรซามีนซึ่งองค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่ม 2A (Probably carcinogenic to humans) หากร่างกายได้รับสารนี้ในปริมาณมากต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารได้ ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและถูกหลักโภชนาการ พิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ระบุข้อมูล วันผลิต วันหมดอายุ สถานที่ผลิต ปริมาณและชนิดของสารกันเสียที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเครื่องหมาย อย. เป็นต้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800…

ข่าวปลอม!! อย่าแชร์!! ต้นส้มพอหลวงช่วยรักษามะเร็งทุกชนิด

  ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าส้มพอหลวงรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ ข้อสรุป : ข่าวปลอม           ส้มพอหลวงหรือหางนกยูงฝรั่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Delonix regia (Hook.) Raf. จากการสืบค้นข้อมูลพบว่ามีการนำรากและลำต้นของส้มพ่อหลวงมาใช้เป็นยาขับโลหิตในสตรี แก้พิษจากแมลงกัดต่อย แก้อาการบวมต่าง ๆ ดอกและใบส้มพอหลวงมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดเป็นองค์ประกอบ เช่น สารฟลาโวนอยด์ สารแทนนิน และสารฟีนอลิก เป็นต้น จึงมีการนำสารสกัดจากดอกและใบส้มพอหลวงมาศึกษาวิจัยในระดับเซลล์พบว่าสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองที่ศึกษาในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าส้มพอหลวงจะสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้           สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ควรศึกษาข้อมูลและข้อควรระวังต่าง ๆ รวมทั้งปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด           ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม!! อย่าแชร์!! อันตรายจากการทานอาหารที่อุ่นไมโครเวฟ

  ข้อเท็จจริง : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าอาหารที่ผ่านการอุ่นด้วยไมโครเวฟเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง ข้อสรุป : ข่าวปลอม คลื่นไมโครเวฟ (Microwave) ที่ใช้ปรุงอาหาร คือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเช่นเดียวกับคลื่นวิทยุ มีหลักการทำงานโดยการปล่อยรังสีเป็นคลื่นไปกระทบอาหารทำให้โมเลกุลน้ำทั้งภายในและนอกอาหารสั่นและเสียดสีกันจนเกิดเป็นความร้อนสะสมจากนั้นพลังงานดังกล่าวจะสลายตัวไป จากข้อมูลที่ระบุว่าการใช้ไมโครเวฟจะทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี วิตามินซี โฟเลต นั้นซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้วการปรุงหรืออุ่นอาหารทุกกรรมวิธีที่ใช้ความร้อนอาจเป็นผลให้เกิดการสูญเสียสารอาหารได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ข้อมูลจากงานวิจัยพบว่าคลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตรายต่อเซลล์และไม่ตกค้างในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัดว่าการอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตามผู้บริโภคควรระมัดระวังอันตรายจากการใช้เตาอบไมโครเวฟในด้านอื่น ๆ เช่น การใช้ความร้อนและระยะเวลาให้เหมาะสมกับชนิดของอาหาร ตลอดจนเลือกใช้ภาชนะชนิดที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับเตาไมโครเวฟได้  เป็นต้น ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข