รู้ทันมะเร็ง : รวมเมนูอาหารก่อมะเร็งตอนจบ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  11 เม.ย. 2557           ตอนที่แล้วว่าด้วยเรื่องรวมเมนูอาหารก่อมะเร็งตอนแรกไปแล้ว ทบทวนกันอีกรอบว่า อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ อาหารพวกเนื้อสัตว์หมักดอง ทุกประเภท อาหารอบปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม อาหารที่ทำจากปลาน้ำจืดดิบหรือสุกๆ ดิบๆ อาหารรสเค็ม อาหารขึ้นราที่มีสารอะฟลาทอกซิน อาหารพวกนี้ทั้งหมดมีสารก่อมะเร็งแอบแฝงอยู่ แต่ในชีวิตประจำวันยังมีอีกหลายเมนูที่มีสารก่อมะเร็งอยู่ด้วยเช่นกัน           มาต่อกันที่ อาหารฟาสต์ฟู้ด ไม่ว่าจะเป็นแฮมเบอเกอร์ ฮอตดอก เฟรนช์ฟราย อาหารพวกนี้ฝรั่งเขาตั้งชื่อให้อาหารประจำชาติเขาเสียใหม่แล้วว่าอาหารขยะหรือจั้งก์ฟู้ด เพราะมีการใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำและน้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งตอนนี้สังคมตะวันตกเขารณรงค์เรื่องนี้กันมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเต็มไปด้วยสารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเช่นเดียวกัน ตามด้วยอาหารในประเภทเดียวกันคือ อาหารไขมันสูง ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งหลายประเภท เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก นอกจากนั้นอาหารไขมันสูงยังทำให้เกิดภาวะอ้วนน้ำหนักเกินที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งด้วยเช่นกัน ตามด้วยสารพิษที่ไม่ควรมาอยู่ในอาหาร ก็คือ ยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักผลไม้ โดยเฉพาะเจ้าตัวร้ายที่มีรายงานว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งคือ สารออร์กาโนฟอสเฟต จากงานวิจัยทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศพบว่า การใช้และการสัมผัสยาฆ่าแมลงมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน มะเร็งสมอง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่น่าเป็นห่วงก็คือเด็กมีความเสี่ยงในการพบสารตกค้างในร่างกายได้สูงกว่าผู้ใหญ่ ส่วนของสารพิษตกค้างอื่นๆ…

รู้ทันมะเร็ง : เมนูอาหารก่อมะเร็งตอนที่1 : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  4 เม.ย. 2557           ถ้าไม่นับเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นสาเหตุของมะเร็งหลายอวัยวะ ไม่เพียงแต่มะเร็งตับเท่านั้น ยังมีสารพัดอาหารอีกมากมายหลายประเภทในชีวิตประจำวันที่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง ได้เวลารวมเมนูอาหารก่อมะเร็ง หลังจากเพิ่งมีข่าวปนเปื้อนสารฟอร์มาลีนในอาหารสดตามตลาดเมื่อไม่นานมานี้           เริ่มจากออเดิร์ฟกันก่อนที่ อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ เพราะในน้ำมันทอดซ้ำไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจากพืชหรือน้ำมันจากสัตว์ก็ตาม มีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพมากมายหลายชนิด ที่สำคัญเป็นสารก่อมะเร็ง ตัวหลักๆ ที่เป็นผู้ร้ายหัวหน้าแก๊งคือ สารโพลาร์และสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนหรือสารพีเอเอช ซึ่งเกิดขึ้นหลังการทอดอาหาร ยิ่งใช้น้ำมันเก่าทอดซ้ำบ่อยเท่าไหร่ สารพวกนี้ยิ่งเกิดมากขึ้น นอกจากนั้นพ่อครัวแม่ครัวก็ไม่ละเว้น เพราะการหายใจเอาไอน้ำมันหรือควันจากการใช้น้ำมันทอดซ้ำก็ทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน ตามด้วย อาหารพวกเนื้อสัตว์หมักดองทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยอย่างปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม ปลาเค็ม แหนม หมูยอ กุนเชียงหรืออาหารต่างชาติอย่างพวกไส้กรอก แฮมและเบคอน เพราะอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็งที่มีชื่อว่าไนโตรซามีนอยู่ไม่มากก็น้อย           ต่อกันด้วย อาหารอบปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม นี่ก็สารก่อมะเร็งเพียบเช่นกัน ทั้งไนโตรซามีน สารพีเอเอช…

รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งผิวหนังกับรังสียูวี : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  19 ก.ย. 2557           เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวการเผยแพร่ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์ผิวหนังของสหรัฐอเมริกา โดยรวบรวมเอาการศึกษาวิจัยจำนวน 19 งานวิจัย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น 266,000 ราย พบว่านักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนม่ามากกว่าคนปกติ 2 เท่า ทำเอาบรรดานักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน           สาเหตุจะเป็นจากอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากการได้รับรังสียูวีหรือรังสีอัลตร้าไวโอเลตในความเข้มข้นสูงที่ระดับความสูง 9,000 เมตร หรือ 30,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเลที่เครื่องบินพาณิชย์ส่วนใหญ่บินอยู่ตามปกติ ความเข้มข้นของรังสียูวีที่ระดับความสูงนั้นสูงกว่าคนที่อยู่ในระดับพื้นดินตามปกติได้รับถึง 2 เท่าตัว โดยนักบินมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 2.21-2.22 เท่า ในขณะที่สจ๊วตและแอร์โฮสเตสมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ 2.09 เท่า เป็นเพราะนักบินมีโอกาสได้รับรังสียูวีที่ผ่านทางหน้าต่างห้องนักบินมากกว่า โดยเฉพาะในขณะที่เครื่องบินบินผ่านกลุ่มเมฆหนา แสงแดดจะสะท้อนเข้ามาในตัวเครื่องบินได้เพิ่มมากขึ้นถึง 85 เปอร์เซ็นต์    …

รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งรังไข่ เพชฌฆาตเงียบตัวจริง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  11 พ.ค. 2555           สาวใหญ่วัย 40 กว่าๆ มีอาการท้องอืดเหมือนอาหารไม่ย่อย เป็นๆ หายๆ มาหลายเดือน ช่วงหลังรู้สึกว่าท้องบวมโตขึ้น คิดว่าน้ำหนักตัวคงมากขึ้นเพราะมีงานกินเลี้ยงบ่อยก็ยังไม่ว่างไปโรงพยาบาล จนกระทั่งมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะผิดปกติ เบื่ออาหาร แน่นท้องเลยเริ่มวิตกกังวลจึงไปพบแพทย์ ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งรังไข่ที่มีการกระจายไปทั่วช่องท้องเรียบร้อยแล้ว           นั่นเป็นตัวอย่างอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งรังไข่ที่คลาสสิก เป็นอาการที่พบบ่อยเพราะระยะแรกมะเร็งรังไข่มักไม่แสดงอาการแต่อย่างไรเหมือนกับมะเร็งอวัยวะอื่นๆ แต่ด้วยความที่รังไข่เป็นอวัยวะที่อยู่ลึกในอุ้งเชิงกรานแตกต่างจากเต้านมหรือปากมดลูกที่มักแสดงอาการออกมาให้รู้ก่อนในระยะที่ยังเป็นไม่มาก จนมะเร็งรังไข่ได้รับสมญาว่า เพชฌฆาตเงียบ ที่คร่าชีวิตผู้หญิงแบบไม่ทันรู้ตัว เพราะมักพบในระยะที่เป็นมากแบบที่ยกตัวอย่างและตอบสนองต่อการรักษาไม่ดี โดยทั่วไปผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่ 100 คน มี 75 คนที่มะเร็งลุกลามไปทั่วช่องท้องตั้งแต่เริ่มมาพบแพทย์แล้ว โอกาสมีชีวิตอยู่รอดถึง 5 ปี เหลือแค่ 25 คน แม้ว่ามะเร็งรังไข่จะไม่พบบ่อยในบ้านเราเท่ากับมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูก แต่ด้วยความที่ปีล่าสุดมะเร็งเต้านมได้แซงปาดหน้ามะเร็งปากมดลูกครองเป็นแชมป์มะเร็งของหญิงไทยไปเรียบร้อยแล้ว แนวโน้มของตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ในบ้านเราจึงมีโอกาสสูงขึ้นเช่นเดียวกับในซีกโลกตะวันตก เพราะปัจจัยที่เป็นสาเหตุการเกิดของมะเร็งรังไข่และเต้านมมีความคล้ายคลึงกันคือ มักพบในสาวใหญ่ไม่มีบุตรหรือมีบุตรน้อย มีไลฟ์สไตล์แบบตะวันตก…

รู้ทันมะเร็ง : รักษามะเร็งด้วยความร้อน : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  17 เม.ย. 2558           ผ่านพ้นช่วงวันหยุดยาวมหาสงกรานต์ ได้รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เล่นน้ำสาดน้ำกันคงพอช่วยให้คลายร้อนกันไปได้บ้าง บรรยากาศหน้าร้อนแบบนี้ ต้องระวังอุณหภูมิร่างกายสูงเกินหรือภาวะฮีทสโตรกโดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ชอบอากาศร้อน แต่ความร้อนก็ยังมีประโยชน์อีกหลายด้านโดยเฉพาะการรักษาโรคมะเร็ง           การใช้ความร้อนรักษาโรคมะเร็ง มีทั้งใช้แบบเฉพาะจุดเฉพาะที่ เฉพาะส่วนหรือทั่วทั้งร่างกาย ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ความร้อนร่วมกับวิธีการรักษาอื่น เช่น การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัด ตามคำจำกัดความนั้นอุณหภูมิที่ใช้ไม่สูงเกินกว่า 113 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 45 องศาเซลเซียส เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นในระดับอุณหภูมิดังกล่าวส่งผลให้โปรตีนและโครงสร้างภายในเซลล์มะเร็งถูกทำลาย ไม่ต้องใช้อุณหภูมิสูงลิบเกือบร้อยองศาเซลเซียสแบบที่หลายคนเข้าใจกัน นอกจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นยังช่วยให้เซลล์มะเร็งตอบสนองต่อการฉายรังสีและการให้ยาเคมีบำบัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย โดยแหล่งกำเนิดความร้อนที่ใช้ในการรักษามะเร็งมีหลายแบบตั้งแต่ คลื่นไมโครเวฟ คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูง คลื่นวิทยุหรืออาร์เอฟ เลเซอร์ เป็นต้น โดยแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสีย ข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาใช้กับมะเร็งในทุกอวัยวะได้เหมือนกันทั้งหมด           กรณีที่โรคมะเร็งยังเป็นเฉพาะที่ ไม่ว่าจะอยู่ภายนอกที่ผิวหนัง…

รู้ทันมะเร็ง : ออนโคเทอร์เมียความร้อนฆ่ามะเร็งวิธีใหม่ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  17 ต.ค. 2557           การใช้ความร้อนรักษาโรคมะเร็ง แม้จะไม่ใช่วิธีการใหม่ แต่มีเครื่องมือตัวใหม่ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมา เพื่อสร้างความร้อนออกสู่ตลาดเป็นระยะ โดยอาศัยหลักการเดียวกันคือ อุณหภูมิที่สูงขึ้นในระดับที่ไม่สูงเกินกว่า 113 องศาฟาเรนไฮต์หรือ 45 องศาเซลเซียส จะส่งผลให้โปรตีนและโครงสร้างภายในเซลล์มะเร็งถูกทำลาย นอกจากนั้นอุณหภูมิที่สูงขึ้นยังช่วยให้เซลล์มะเร็งตอบสนองต่อการฉายรังสีและการให้ยาเคมีบำบัดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ส่วนการรักษาจะได้ผลดีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการควบคุมระดับอุณหภูมิ ความแม่นยำในการกำหนดตำแหน่งเป้าหมาย ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาและประเภทของมะเร็งว่ามีการตอบสนองต่อการรักษามากน้อยเพียงไร           ในบ้านเราล่าสุด ช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สถาบันมะเร็งแห่งชาติ หน่วยงานหลักที่สำคัญของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกแถลงข่าวผลการวิจัยใช้เครื่องมือออนโคเทอร์เมียในการรักษาโรคมะเร็ง เป็นเครื่องแรกและเครื่องเดียวในภูมิภาคอาเซียน เป็นเครื่องมือที่สร้างความร้อนจากคลื่นวิทยุ โดยทำการศึกษาวิจัยการใช้เครื่องมือตัวนี้อย่างเป็นระบบตั้งแต่ปี 2555 เพื่อให้ได้ผลการศึกษาที่ชัดเจนเสียก่อนว่าเครื่องออนโคเทอร์เมียจะช่วยยืดชีวิตผู้ป่วยมะเร็งคนไทยได้มากน้อยเพียงไร แม้ว่าจะมีผลการวิจัยจากในต่างประเทศมาบ้างแล้วก็ตาม โดยเริ่มต้นศึกษาวิจัยในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นปัญหากลุ่มใหญ่ของบ้านเรา คือมะเร็งตับและมะเร็งเต้านมในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีการรักษามาตรฐาน จึงจำเป็นต้องทำการวิจัยเพื่อหารูปแบบการรักษาที่ดีที่สุดในผู้ป่วยกลุ่มนี้      …

รู้ทันมะเร็ง : ข้อพึงปฏิบัติหลังผ่าตัดมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  13 ก.ค. 2555           ตอนที่แล้วว่าด้วยเรื่องการเตรียมตัวเตรียมใจก่อนไปผ่าตัดมะเร็งมาแล้ว ตอนนี้ก็ขอกล่าวถึงเรื่องการปฏิบัติตัวปฏิบัติใจหลังผ่าตัดเพื่อความต่อเนื่องกันไปซะเลย           เมื่อหมอผ่าตัดเย็บแผลที่ผิวหนังเข็มสุดท้ายเสร็จ โดยทั่วไปหมอดมยาจะให้ยาเพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากยาสลบ หลังจากสติสัมปชัญญะเริ่มกลับมา ผู้ป่วยจะเริ่มได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองก็ขอให้ปฏิบัติตัวตามที่หมอดมยาบอกคือให้หายใจลึกๆ อยู่นิ่งๆ อย่าดิ้น อย่าพยายามดึงสายระโยงระยางรอบตัว ที่สำคัญไม่ต้องตกอกตกใจว่าทำไมตนเองไม่สามารถพูดได้เพราะบ่อยครั้งที่การผ่าตัดมะเร็งใช้เวลาผ่าตัดยาวนานหลายชั่วโมงจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจคาไว้ในหลอดลมไปก่อน ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บในคอและพูดไม่ได้ แล้วต่อท่อเข้ากับเครื่องช่วยหายใจให้ช่วยดันอากาศเข้าปอดผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยอาจจะเจ็บแผลผ่าตัดหรือไม่มีกำลังเพียงพอที่จะหายใจด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วหลังผ่าตัดช่วงแรกมักจะต้องเข้าห้องไอซียูเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยไว้ก่อน เพราะฉะนั้นผู้ป่วยไม่ต้องตกใจ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด อย่าไปดึงสายหรือท่ออะไรออกเอง ดีไม่ดีต้องกลับไปผ่าตัดใหม่อีกรอบจะยุ่ง           เมื่อเอาท่อช่วยหายใจออกแล้วย้ายกลับมาวอร์ดหรือหอผู้ป่วยปกติ การปฏิบัติตัวก็ขึ้นอยู่กับว่าผ่าตัดอะไรอวัยวะไหน หลังผ่าตัดช่วงแรกส่วนใหญ่ก็ยังต้องให้น้ำเกลือไปก่อนแล้วจึงค่อยๆ เริ่มให้ผู้ป่วยกินอาหาร บางรายอาจต้องงดอาหารนานกว่าปกติก็จะมีการให้อาหารทางสายยางหรือให้สารอาหารทางหลอดเลือด ในรายที่กินอาหารได้แล้วก็ขอให้พยายามกินอาหารให้ครบ 5 หมู่เพราะร่างกายต้องการสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อเยียวยารักษาบาดแผล ถ้ายังอยู่ในโรงพยาบาลก็กินอาหารที่โรงพยาบาลจัดมานั่นแหละครับ รสชาติอาจจะไม่ถูกปากแต่การันตีว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายแน่นอน ญาติบางคนปรารถนาดีเห็นผู้ป่วยกินอาหารโรงพยาบาลไม่ได้เลยไปซื้ออาหารโปรดมาฝาก หลายรายมีปัญหาอาหารเป็นพิษหรือท้องเสียก็เยอะ เพราะฉะนั้นถ้าเหลือบ่ากว่าแรงกินอาหารโรงพยาบาลไม่ได้เลย ก็ปรึกษาหรือขออนุญาตแพทย์หรือพยาบาลซะก่อน ถ้าญาติทำมาเองและปรุงเสร็จใหม่ๆ ก็อาจจะพออนุโลมได้บ้างเป็นครั้งคราว…

รู้ทันมะเร็ง : เตรียมตัวเตรียมใจก่อนไปผ่าตัดมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  6 ก.ค. 2555           เป็นธรรมดาที่ใครก็ตามที่ต้องถูกผ่าตัดย่อมต้องวิตกกังวลไม่มากก็น้อย ลำพังแค่รู้ว่าเป็นมะเร็งก็ทำเอาอกสั่นขวัญแขวนไปมากพอแล้ว ยิ่งต้องมาถูกผ่าตัดก็ต้องหวั่นไหวและหวาดเสียวเป็นธรรมดา จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับความเข้มแข็งและประสบการณ์ของแต่ละคน สำหรับคนที่จิตใจเข้มแข็งหรือเคยถูกผ่าตัดใหญ่มาก่อน คงไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก แต่ในคนที่ไม่เคยก็อย่าพึ่งกลัวจนเกินกว่าเหตุ ขอให้คิดในแง่บวกว่าไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสกว่าตอนที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแล้ว ตอนนี้ทำใจรับสภาพความเป็นจริงได้แล้ว ถึงเวลาที่ต้องรีบอัญเชิญเจ้าเนื้อร้ายออกจากร่างกายไปอยู่ไกลๆ โดยเร็วซะที           ประการแรกที่สำคัญมากคือเตรียมใจก่อน อย่างที่เขาว่าจิตเป็นนายกายเป็นบ่าว ถ้าใจท้อใจไม่สู้ก็จะมีผลทำให้ระบบฮอร์โมนและระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง จะเตรียมกายให้ดีอย่างไรก็เอาชนะโรคร้ายได้ยาก ก่อนอื่นต้องมีความตั้งใจแน่วแน่และเชื่อมั่นในแผนการรักษาที่จะได้รับ ประเภทที่ยังลังเลไม่แน่ใจว่าจะผ่าดีหรือไม่ผ่าดี ก็หาข้อมูลเพิ่มเติมให้มั่นใจเสียก่อน ถ้าตัดสินใจได้ว่าจะผ่าแน่นอนแล้วก็ขอร้องว่าอย่าเบี้ยวหรือเปลี่ยนใจกะทันหันก่อนวันนัดผ่าตัดไม่กี่วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีผู้ป่วยรอคิวผ่าตัดมะเร็งจำนวนมาก เพราะนั่นเท่ากับเป็นการทำบาปโดยไม่รู้ตัวเพราะเป็นการไปทำให้คนไข้ที่เค้าอยากจะรีบผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกเร็วๆ ต้องเสียโอกาสไปโดยปริยาย ถ้าตัดสินใจแล้วก็จงทำจิตใจให้สบาย ปลอดโปร่ง ให้กำลังใจกับตัวเองว่าผ่าเที่ยวนี้เอามะเร็งออกหมดแน่ ญาติพี่น้องหรือผู้ใกล้ชิดก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วย ไม่ควรให้ข้อมูลประเภทฟังเค้าเล่าว่า ไปรักษาอย่างนู้นอย่างนี้แล้วได้ผลดี ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเป็นมะเร็งชนิดเดียวกันหรือระยะเดียวกันหรือไม่ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยสับสนเสียโอกาสในการรักษา และที่สำคัญเมื่อผู้ป่วยตัดสินใจแน่วแน่ในการเลือกแนวทางการรักษาที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรเคารพการตัดสินใจของตัวผู้ป่วยเองเป็นหลัก           ส่วนการเตรียมตัวนั้น อันที่จริงก็ขึ้นอยู่กับว่าจะผ่าตัดมะเร็งอะไรของอวัยวะไหน…

รู้ทันมะเร็ง : สารก่อมะเร็งในบะหมี่กังนัมสไตล์ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  16 พ.ย. 2555           เป็นเรื่องดังจากประเทศเกาหลีใต้ไปทั่ววงการสุขภาพนานาชาติช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เมื่อมีรายงานว่าตรวจพบสารก่อมะเร็งในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสัญชาติเกาหลีใต้ที่นำเข้าวัตถุดิบจากไต้หวัน ถึงจะโด่งดังไม่เท่ากังนัมสไตล์ แต่ก็ทำให้ทุกประเทศที่นำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเกาหลีใต้ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน เวียตนาม ฟิลิปปินส์ รวมถึงเกาหลีใต้เองเลยพร้อมใจกันเก็บและสั่งห้ามขายจนกว่าจะได้ผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการรวมถึงประเทศไทยเราด้วย ทั้งที่จริงๆ แล้วประเทศเกาหลีใต้ตรวจพบมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา           เจ้าสารก่อมะเร็งที่ว่ามีชื่อว่าเบนโซเอไพรีนหรือเรียกสั้นๆ ว่าสารบีเอพี มันแอบอยู่ในซองเครื่องปรุงรสของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีชื่อไม่คุ้นหูคนบ้านเรา เช่น นองชิม ซินล่า นีโอกูริ ซางซาง เพราะเครื่องปรุงที่ว่าผลิตมาจากปลาแห้งรมควันหรือเนื้อสัตว์ที่นำไปเคี่ยวและอบด้วยความร้อนสูง องค์การวิจัยโรคมะเร็งนานาชาติจัดให้เจ้าสารบีเอพีเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มที่ 1 คือมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าทำให้เกิดมะเร็งในมนุษย์เพราะเป็นสารในกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน ซึ่งทำให้เป็นมะเร็งได้หลายอวัยวะ ตั้งแต่มะเร็งปอดหากหายใจเข้าไป มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งผิวหนัง ในชีวิตประจำวันเราพบสารบีเอพีในอาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม อาหารรมควันและบุหรี่ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ในอุณหภูมิสูง หลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเรายังไม่มีการกำหนดระดับมาตรฐานของสารบีเอพีในอาหาร เวลานี้ประเทศส่วนใหญ่ใช้มาตรฐานของสหภาพยุโรปคือไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ในบ้านเรากรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยทำการสำรวจอาหารปิ้งย่างในปี 2554 พบว่าอาหารปิ้งย่างยอดนิยม 3…

รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งจากความเค็ม : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  30 ส.ค. 2555           หลายคนคงรู้ว่าคนที่ชอบกินเค็มเป็นประจำนั้น โรคไตและโรคความดันโลหิตสูงมักจะมาถามหาอยู่เป็นประจำ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าการกินอาหารเค็มบ่อยๆ ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าปกติเช่นกัน เพราะมีงานวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น ประเทศที่มีอุบัติการณ์ของมะเร็งกระเพาะอาหารมากที่สุดในโลก พบว่าการบริโภคอาหารที่มีเกลือหรือโซเดียมคลอไรด์ในปริมาณสูงมีความสัมพันธ์ต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ           ผู้ร้ายของเรื่องที่ทำให้เกิดความเค็มก็คือเกลือ ไม่ว่าจะเป็นเกลือแกง เกลือสมุทร เกลือสินเธาว์ ก็มีโซเดียมคลอไรด์เป็นส่วนประกอบสำคัญเหมือนกัน ตามปกติแล้วร่างกายควรได้รับโซเดียมประมาณ 2,300-2,400 มิลลิกรัมต่อวันหรือเท่ากับเกลือ 6 กรัมต่อวัน ถ้าจะพูดให้เป็นรูปธรรมวันหนึ่งๆ ไม่ควรบริโภคเกลือเกิน 1-1.5 ช้อนโต๊ะ ในทางปฏิบัติก็ยากที่จะประมาณปริมาณเกลือได้ชัดเจน เพราะในอาหารต่างๆ ที่เรากินอยู่ทุกวันก็มีเกลือเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามธรรมชาติ อาหารแปรรูป รวมไปถึงเครื่องปรุงรสต่างๆ อาหารธรรมชาติที่มีโซเดียมอยู่ค่อนข้างสูงก็พวกเนื้อสัตว์ต่างๆ ส่วนที่มีโซเดียมต่ำก็พวกผักผลไม้ทุกชนิด เมล็ดธัญพืช พวกถั่วต่างๆ และเนื้อปลา พวกอาหารแปรรูปและเครื่องปรุงรสต่างๆ ที่มีรสเค็มชัดเจนก็ยังพอจะหลีกเลี่ยงได้ แต่อาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูงที่มักถูกมองข้ามก็เช่น อาหารกึ่งสำเร็จรูปพวกบะหมี่ โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปต่างๆ…