รู้ทันมะเร็ง : : น้ำขวดปลอดสารก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  20 มิ.ย. 2557           เป็นข่าวลือกันมานานช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรื่องน้ำดื่มบรรจุขวดที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ ว่าการดื่มน้ำบรรจุขวดที่ถูกวางทิ้งไว้ในรถที่จอดตากแดดจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารก่อมะเร็งที่มีชื่อว่าสารไดออกซิน           ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเจ้าสารไดออกซินที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้กันก่อน สารไดออกซินเป็นกลุ่มของสารเคมีหลายร้อยชนิดที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหลังมากกว่า ทั้งจากอุตสาหกรรมหลายประเภท การเผาไหม้ตามธรรมชาติ เผาขยะโดยเฉพาะขยะพลาสติกจากอุตสาหกรรมและบ้านเรือนที่มีสารพีวีซีหรือคลอรีนเป็นส่วนประกอบ สามารถสะสมในอาหารในไขมันของสัตว์ที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ สารในกลุ่มไดออกซินถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์มาตั้งแต่ปี 2540 แล้ว โดยออกฤทธิ์ในการลดภูมิต้านทานของเราและกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งที่อาจแอบแฝงตัวอยู่เจริญเติบโตได้มากขึ้น ที่น่ากลัวคือเป็นสาเหตุของมะเร็งได้หลายอวัยวะอีกต่างหาก นอกจากนั้นยังมีผลเสียต่อสุขภาพในแบบเรื้อรังอีกหลายอย่าง           อีกเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันก่อนก็คือประเภทของขวดน้ำที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้มี 3 ประเภทหลักคือขวดใส ขวดขาวขุ่น และขวดน้ำขนาดใหญ่แบบเติมสีฟ้าใส ขวดใสที่ผลิตจากสาร PET หรือที่เรียกกันว่าขวดเพ็ต ส่วนขวดสีขาวขุ่นผลิตจากสารพีอีหรือโพลีเอทิลีน และขวดน้ำขนาดใหญ่แบบเติมสีฟ้าใสผลิตจากสารพีพีหรือโพลีโพรพิลีน เจ้าพลาสติกทั้ง 3 ชนิดที่ใช้ทำขวดน้ำดื่มที่ว่า ไม่มีส่วนประกอบของสารพีวีซีหรือคลอรีนแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่จะมีสารไดออกซินสลายตัวออกมาจากวัสดุที่ทำขวดน้ำ จึงแทบจะไม่มีความเป็นไปได้…

รู้ทันมะเร็ง : สารก่อมะเร็งจากไฟไหม้ขยะ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  28 มี.ค. 2557           ช่วงเวลานี้ของทุกปี จะเป็นช่วงของการเฝ้าระวังและรณรงค์ไม่ให้เกิดไฟป่า ทั้งสาเหตุจากภัยธรรมชาติหรือจากน้ำมือมนุษย์ แต่ปีนี้พิเศษกว่าปีก่อนๆ ตรงที่มีไฟไหม้บ่อขยะขนาดใหญ่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมบางปู แพรกษา จ.สมุทรปราการ มาร่วมกระบวนการด้วย ซ้ำร้ายยังมีเพลิงไหม้บ่อขยะอีกในหลายจังหวัดเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยมิได้นัดหมาย ยิ่งช่วยซ้ำเติมสภาพอากาศบ้านเราให้ย่ำแย่ลงไปใหญ่ หากยังพอจำกันได้ช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2555 เคยมีข่าวที่ชาวบ้านและตำรวจโรงพักฉลองกรุงต้องเผชิญชะตากรรมกับกลิ่นเหม็นจากกองขยะที่มีสารก่อมะเร็งอยู่หลายตัว จนต้องย้ายโรงพักหนีกันมาแล้ว ลำพังแค่กองขยะก็มีสารก่อมะเร็งมากมายหลายตัวอยู่แล้ว นี่ยิ่งมีไฟไหม้ขยะเข้าไปอีก จะมีสารก่อมะเร็งมากขนาดไหน           มาทบทวนความจำกันก่อนว่า ควันไฟที่เกิดจากการเผาป่า มีสารพิษที่เป็นสารก่อมะเร็งจากการเผาไหม้คือสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนหรือสารพีเอเอชซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนสารก่อมะเร็งจากกองขยะที่เคยมีรายงานจากการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณบ่อขยะก็มีมากมายหลายตัว แต่ที่เคยเป็นข่าวในบ้านเรา ที่น่ากลัวและยืนยันว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์แน่นอนแล้วมี 2 ตัวคือ ตัวแรกสารไวนิลคลอไรด์ เจ้าสารตัวนี้องค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติยืนยันแน่นอนแล้วว่าเป็นสารก่อมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งสมองและมะเร็งระบบเม็ดเลือดและระบบน้ำเหลือง ตัวที่ 2 สารเบนซีน เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยมีหลักฐานว่าเกี่ยวข้องกันค่อนข้างชัดเจนเช่นเดียวกัน    …

รู้ทันมะเร็ง : ฟอร์มาลีนก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  7 มี.ค. 2557           สัปดาห์ก่อนมีข่าวการออกตรวจตลาดสดที่หลายจังหวัดตั้งแต่นครสวรรค์ พิษณุโลก และกรุงเทพมหานคร ตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนน้ำยาดองศพหรือสารฟอร์มาลีนในอาหารสดหลายประเภท จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยสำหรับบ้านเรา เพียงแต่ว่าจะออกมาตีฆ้องร้องป่าวให้สังคมได้รับรู้เมื่อไรเท่านั้นเอง           ฟอร์มัลดีไฮด์และฟอร์มาลีนเป็นสารเคมีตัวเดียวกัน แต่อยู่ในสถานะต่างกัน ถ้าเป็นของเหลวเรียกว่า ฟอร์มาลีน หรือน้ำยาดองศพที่เราคุ้นเคย แต่ถ้าสถานะเป็นก๊าซก็เรียกว่าฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งสองตัวมีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก ไม้อัด โฟม การฟอกหนัง สารตัวนี้จัดเป็นวัตถุอันตราย ห้ามใช้ในอาหารโดยเด็ดขาด องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศจัดให้ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ตั้งแต่ปี 2549 จากงาน วิจัยในอดีตพบว่าฟอร์มัลดีไฮด์มีความสัมพันธ์กับมะเร็งโพรงจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งสมองและ มะเร็งเม็ดเลือดขาว ปัจจุบันมีหลักฐานจากการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสาเหตุของ การเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีลอยด์อย่างมีนัยสำคัญ           ในบ้านเราเคยมีข่าวว่าเอาอาหารทะเล ผักผลไม้มาแช่ฟอร์มาลีนเพื่อรักษาสภาพอาหารให้ดูสดใหม่เน่าเสียช้า แต่รอบนี้ตรวจพบมากที่นครสวรรค์ถึงร้อยละ 59 ของตัวอย่างอาหารทั้งหมด…

รู้ทันมะเร็ง : มลพิษทางอากาศมหาภัยก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  25 ต.ค. 2556           ฟังดูแล้วเหมือนไม่มีอะไรแปลกใหม่ เมื่อองค์การอนามัยโลกออกมาแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังการสรุปในการประชุมผู้เชี่ยวชาญประจำปีของทบวงวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศณ เมืองลีออง ประเทศฝรั่งเศส แต่ที่น่าสนใจคือเป็นครั้งแรกที่องค์การอนามัยโลกและทบวงวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศออกมาให้ข่าวสารก่อมะเร็งแบบเหมารวมมลภาวะทางอากาศทั้งหมด แทนที่จะเป็นการแถลงข่าวเฉพาะสารก่อมะเร็งเป็นตัวๆ แบบในปีที่ผ่านๆ มา           สะท้อนให้เห็นภาพว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน สภาวะแวดล้อมทางอากาศทั่วโลกนับวันจะยิ่งวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่เฉพาะในมหานครเมืองใหญ่เท่านั้น ในจังหวัดที่มีควันไฟปกคลุมเป็นประจำก็ไม่ละเว้น ในอากาศก็เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็งจำนวนมากเช่นเดียวกัน มีตั้งแต่ควันจากเครื่องยนต์ดีเซล ไอเสียจากรถยนต์ โรงไฟฟ้า ไอเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม จากภาคเกษตรกรรม รวมถึงจากครัวเรือนต่างๆ จะมาเตือนภัยจากสารก่อมะเร็งในอากาศเป็นตัวๆ แบบเดิมคงจะไม่ทันกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็วและไม่เหมาะในทางปฏิบัติ เพราะผู้คนที่หายใจอยู่ทุกวี่วัน เค้าไม่สามารถแยกแยะได้ว่าในอากาศมีสารก่อมะเร็งอะไรอยู่บ้าง ที่สำคัญเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลก ต้องช่วยกันรณรงค์ให้ความสำคัญกับเรื่องมลพิษทางอากาศอย่างจริงจังกันเป็นการด่วน           ทบวงวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศออกมาเน้นย้ำเรื่องมลพิษทางอากาศจัดเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มที่ 1 คือมีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ และเป็นสาเหตุที่สำคัญของมะเร็งปอด สถิติในปี พ.ศ.…

รู้ทันมะเร็ง : กระดูกก็เป็นมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  3 เม.ย. 2558           กระดูก อวัยวะที่แข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์ คนส่วนใหญ่คงคุ้นเคยกับเรื่องกระดูกหัก โรคกระดูกพรุนแต่แท้ที่จริงแล้ว กระดูกก็ยังมิอาจรอดพ้นเงื้อมมือเจ้าเซลล์มะเร็งไปได้ เรียกว่ามันกินทุกอย่างทุกอวัยวะที่ขวางหน้าจริงๆ อย่าว่าแต่อวัยวะที่ขวางหน้าเลย อวัยวะที่อยู่ไกลแค่ไหนลองถ้ามันชอบล่ะก็เสร็จมันทุกที่ โดยเฉพาะกระดูกที่เมื่อมะเร็งลุกลามไปแล้ว ทำให้เกิดความทุกข์ทรมานจากอาการที่ผู้ป่วยมะเร็งทุกคนไม่อยากเจอ นั่นก็คืออาการปวด           มะเร็งกระดูกแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ มะเร็งกระดูกปฐมภูมิหรือมะเร็งที่เกิดขึ้นที่กระดูกเอง และมะเร็งกระดูกทุติยภูมิหรือมะเร็งที่เกิดขึ้นที่อวัยวะอื่นแล้วกระจายมาที่กระดูก พวกที่สองนี้แหละที่พบได้บ่อยกว่า โดยมักจะมาจากมะเร็งตัวแม่ที่ชอบส่งเซลล์มะเร็งมาทางกระแสเลือด มาอาศัยที่กระดูกมากเป็นพิเศษได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งไต มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปากมดลูก และสามารถเล่นงานกระดูกได้ทุกชิ้นในร่างกาย แต่ที่ชอบโจมตีเป็นพิเศษไล่เรียงไปจากชอบมากไปหาน้อยก็คือ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกต้นขา กระดูกต้นแขน กระดูกซี่โครง หรือแม้แต่กะโหลกศีรษะก็ไม่ละเว้น          …

รู้ทันมะเร็ง : ตุลาคมเดือนของมะเร็งเต้านม : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  11 ต.ค. 2556           ย่างเข้าเดือนตุลาคราใด วงการมะเร็งทั่วโลกพากันรณรงค์เรื่องมะเร็งเต้านมกันเป็นวาระประจำที่ทำกันทุกปีอย่างเป็นทางการมา 21 ปีมาแล้วนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา เดือนนี้ใครที่เดินทางไปต่างประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย รวมทั้งอีกหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว จะเห็นมีสัญลักษณ์โบสีชมพูเต็มไปหมด ผู้คนก็พากันสวมเสื้อผ้าหรือติดเข็มกลัดโบชมพู ตามห้างร้านสรรพสินค้าต่างๆ ก็ตกแต่งด้วยสีชมพูกันทั้งบ้านทั้งเมือง           เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะประเทศที่พัฒนาแล้วเหล่านั้นทุกประเทศ ล้วนมีอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งเต้านมสูงเป็นอันดับหนึ่งในเพศหญิงต่อเนื่องกันมาหลายปี จากสาเหตุการบริโภคอาหารไขมันสูง การไม่มีบุตร การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน การไม่ได้ให้นมบุตร ภาวะอ้วน ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกกำลังกายและปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายหลายสาเหตุที่เรียกง่ายๆ ว่าสไตล์การใช้ชีวิตแบบชาวตะวันตก ทำให้สถานการณ์มะเร็งของทั้งโลก ณ เวลานี้ มะเร็งเต้านมพบบ่อยเป็นอันดับสามของมะเร็งทั้งหมดทุกประเภท แต่เป็นอันดับหนึ่งในเพศหญิงทั้งโลก ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทยเราที่มะเร็งเต้านมได้แซงหน้ามะเร็งปากมดลูกแชมป์เก่าตลอดกาลขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งต่อเนื่องมา 2 ปีแล้วตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา แต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหญิงไทยรายใหม่ปีละประมาณ 13,000 รายและเสียชีวิตปีละประมาณ…

รู้ทันมะเร็ง : จับเข่าเล่ามะเร็ง : นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  19 9.8. 2555           พอถึงเดือนตุลาคมของทุกปี วงการแพทย์ด้านโรคมะเร็งทั่วโลกมีการรณรงค์เรื่องมะเร็งเต้านมอย่างเป็นทางการ โดยใช้สัญลักษณ์โบสีชมพูเป็นเครื่องหมายสากลหมายถึงมะเร็งเต้านม มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ทั้งทางด้านการป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพ การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ การตรวจเต้านมด้วยตนเอง การรักษาโรคมะเร็งเต้านมในระยะต่างๆ เนื่องจากในสังคมโลกตะวันตก ผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เมืองไทยในเวลานี้ เพราะฉะนั้นช่วงเดือนนี้ถ้าเห็นสัญลักษณ์โบชมพูหรือสินค้าหรือการจัดกิจกรรมด้านสุขภาพที่เน้นสีชมพู ก็ช่วยให้ความสนใจกันหน่อย คุณผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปก็ได้เวลาเข้าไปตรวจแมมโมแกรมประจำปี ส่วนคุณผู้ชายก็อย่านิ่งดูดาย ช่วยกันเตือนให้สาวใหญ่ไปตรวจด้วยก็ยิ่งดี ช่วงนี้หลายโรงพยาบาลคิดราคาลดพิเศษ เพื่อกระตุ้นและชวนเชิญให้คุณผู้หญิงหันมาใส่ใจสุขภาพเต้านมในช่วงนี้กันให้มากยิ่งขึ้น           อีกเรื่องที่มาตามคำเรียกร้องของท่านผู้อ่านแฟนๆ คอลัมน์ที่เคารพรักทั้งหลาย ที่หลายท่านอาจจะไม่สามารถติดตามอ่านคอลัมน์ “รู้ทันมะเร็ง” ได้ทุกตอนก็คือการรวบรวมเรื่องราวความรู้ด้านโรคมะเร็งในคอลัมน์นี้ลงสู่หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ก “จับเข่าเล่ามะเร็ง” โดยมีการเพิ่มเนื้อหาสาระให้มากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ในคอลัมน์นี้ค่อนข้างจำกัด จึงต้องไปขยายความให้ครอบคลุมเนื้อหาเรื่องนั้นๆ ให้มากยิ่งขึ้น เนื้อหาในเล่มแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ส่วนแรกว่าด้วยสารพันปัญหาที่มาของมะเร็งที่เน้นเรื่องใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอ้วน กล่องโฟม ยาฆ่าแมลง ขยะ โทรศัพท์มือถือและอื่นๆ…

รู้ทันมะเร็ง : พาแม่ไปตรวจมะเร็งกันเถอะ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  17 ส.ค. 2555           ปัจจุบันเดือนสิงหาคมเมืองไทยเราจัดเป็นเดือนของคุณแม่ มีกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการระลึกถึงพระคุณแม่กันทั่วประเทศไม่เพียงแต่เฉพาะวันแม่วันเดียว ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่สังคมไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ น่าเสียดายที่ปีนี้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แม่หลวงของปวงชนชาวไทยทรงพระประชวร ก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านช่วยกันส่งแรงใจร่วมกันถวายพระพรให้พระองค์หายประชวรโดยเร็วด้วยนะครับ           วกกลับมาเรื่องพาแม่ไปตรวจมะเร็ง นอกเหนือจากมะเร็งของอวัยวะที่มีทั้ง 2 เพศแล้ว เต้านมและอวัยวะระบบสืบพันธุ์ทั้งปากมดลูก รังไข่ มดลูกเป็นอวัยวะสำคัญที่บ่งบอกความเป็นหญิงความเป็นเพศแม่ ซึ่ง 2 อวัยวะนี่แหละที่เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุด 2 อันดับแรกของหญิงไทย กล่าวคือมะเร็งเต้านมและมะเร็งปากมดลูกพบมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองตามลำดับ ในขณะที่ในชายไทยมะเร็งที่พบบ่อย 2 อันดับแรกกลับไม่ใช่มะเร็งของอวัยวะระบบสืบพันธุ์ แต่เป็นมะเร็งตับทางเดินน้ำดีและมะเร็งปอดตามลำดับ เพราะฉะนั้นในเพศหญิงควรให้ความสำคัญกับการตรวจเช็กมะเร็งเต้านมและมะเร็งของอวัยวะระบบสืบพันธุ์เป็นพิเศษ           มาเริ่มกันที่การตรวจเช็กมะเร็งเต้านม การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเป็นกิจวัตรประจำวัน โดยเริ่มจากดูเต้านมเวลาส่องกระจก คลำเต้านมอย่างถูกวิธีโดยใช้บริเวณส่วนปลายของนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางทั้งเวลาอาบน้ำและในท่านอน อย่าลืมคลำบริเวณรักแร้ ไหปลาร้าและบีบบริเวณหัวนมด้วย…

รู้ทันมะเร็ง : ‘มะเร็งโลก-มะเร็งไทย’ใกล้เคียงกัน : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  8 ก.พ. 2556           ได้เวลาบรรจบครบรอบปีอีกครั้งหนึ่งกับวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี องค์การอนามัยโลกและสมาคมต่อต้านมะเร็งสากลกำหนดให้เป็นวันมะเร็งโลก เพื่อบรรเทาปัญหาความเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก เนื่องจากมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนทั่วโลกปีละ 7.6 ล้านคนหรือร้อยละ 13 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลกและพบผู้ป่วยรายใหม่ 12.7 ล้านคน ในปีนี้ได้กำหนดหัวข้อการรณรงค์ว่า มะเร็ง-คุณรู้แค่ไหน (Cancer – Did you know?) เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคมะเร็งอย่างถูกต้อง โดยปีนี้มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในความเชื่อที่ผิด 4 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกโรคมะเร็งไม่ได้เป็นเพียงปัญหาด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างมีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ การพัฒนาประเทศและสิทธิมนุษยชนเลยทีเดียว ประเด็นที่ 2 โรคมะเร็งไม่ได้พบบ่อยในประเทศที่ร่ำรวยที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ตรงกันข้ามโรคมะเร็งพบได้ในทุกวัย ไม่เลือกคนมีหรือคนจนและเป็นปัญหาสำคัญของทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในประเทศกำลังพัฒนาที่ยากจน ประเด็นที่ 3 เป็นมะเร็งแล้วรักษาไม่ได้ต้องตายสถานเดียว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วโรคมะเร็งหลายประเภทรักษาหายขาดได้ และประเด็นสุดท้าย เป็นมะเร็งเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิตเป็นเรื่องของเวรกรรม แต่แท้จริงแล้วเราสามารถป้องกันไม่ให้ตนเองเป็นมะเร็งได้ โดยสรุปองค์กรด้านโรคมะเร็งระดับโลก เค้ามุ่งเน้นเรื่องการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งกันทั่วโลกมากกว่าปล่อยให้เป็นมะเร็งแล้วมาไล่ตามรักษา    …

รู้ทันมะเร็ง : เพื่อเด็กไทยวันนี้ไม่เป็นมะเร็งวันหน้า : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  18 ม.ค. 2556           ควันหลงจากวันเด็กเมื่อเสาร์ที่แล้ว ทำให้อดคิดถึงเด็กน้อยที่น่าสงสารที่กำลังป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่หลายภาคส่วนหันมาให้ความสำคัญกับผู้ป่วยเด็กที่เป็นมะเร็งกันมากขึ้น ทั้งๆ ที่มะเร็งไม่ได้เป็นสาเหตุการตายสูงสุดในเด็ก สังเกตได้จากมีการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล การวิจัย การจัดกิจกรรมบันเทิงในโรงพยาบาลเพื่อเยียวยาสภาพจิตใจของเด็กป่วยเป็นมะเร็งกันมากขึ้น ในบ้านเรามะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในเด็กเรียงตามลำดับ ได้แก่ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน เนื้องอกในสมองและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตามลำดับ ซึ่งมีความแตกต่างจากมะเร็งที่พบในผู้ใหญ่และมีอุบัติการณ์น้อยกว่าในผู้ใหญ่มากคือพบประมาณหนึ่งในสิบของโรคมะเร็งในผู้ใหญ่           คำกล่าวที่ว่า เด็กในวันนี้เป็นผู้ใหญ่ในวันหน้า หากเพิ่มด้วยว่าไม่เป็นมะเร็งในวันหน้าด้วยก็น่าจะดี เด็กไทยในยุคปัจจุบันมีโอกาสดีกว่าเด็กในสมัยก่อนรวมถึงเรื่องสุขภาพ การให้วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบบีฟรีสำหรับเด็กทุกคนตั้งแต่แรกเกิดจะส่งผลให้มีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและโอกาสเป็นมะเร็งเซลล์ตับในอนาคตก็จะน้อยลง วัคซีนอีกตัวหนึ่งที่มีความหวังว่าจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกในอนาคตก็คือวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวี ซึ่งสามารถครอบคลุมสายพันธุ์เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุได้ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ราคาวัคซีนตัวนี้ในปัจจุบันยังสูงอยู่จึงยังไม่สามารถนำมาฉีดให้แก่เด็กผู้หญิงอายุน้อยที่ยังไม่มีเพศสัมพันธ์แบบฟรีๆ ได้ คงต้องรอภาครัฐให้เจรจาต่อรองให้ราคาลดลงในอนาคตอันใกล้นี้ เห็นความหวังอันสดใสว่าเด็กไทยยุคนี้เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็น่าจะเป็นมะเร็งเซลล์ตับและมะเร็งปากมดลูกลดลง ทั้งนี้เนื่องจากสามารถกำจัดสาเหตุหลักของเจ้ามะเร็งทั้งสองไปได้เพราะมาจากเชื้อไวรัส แต่ก็ใช่ว่าจะใช้วัคซีนป้องกันการเป็นมะเร็งในอนาคตได้หมดทุกอวัยวะ อย่างที่ทราบกันดีว่ามะเร็งเกิดจากหลากหลายสาเหตุทั้งจากพันธุกรรม สิ่งแวดล้อมและสุดท้ายคือพฤติกรรม           อันสุดท้ายนี่น่าเป็นห่วงมากสำหรับเด็กไทยในยุคปัจจุบันที่นับวันจะมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงมากขึ้นต่อการเกิดโรคอ้วนที่เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของโรคมะเร็งหลายอวัยวะ ทั้งจากขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม อาหารขยะ…