ข่าวปลอม!! อย่าแชร์!! เถาวัลย์หนอนตายหยาก สามารถใช้รากรักษาโรคมะเร็งได้

ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ารากของหนอนตายหยากรักษามะเร็งในมนุษย์ได้ ​หนอนตายหยาก เป็นพืชสมุนไพรในสกุล Stemona ในประเทศไทยหนอนตายหยากมีหลากหลายสายพันธุ์และอาจมีสารออกฤทธิ์ที่มีปริมาณและคุณสมบัติแตกต่างกัน สมุนไพรชนิดนี้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในทั้งในทางการเกษตรและการแพทย์ สำหรับสารสำคัญที่พบในพืชชนิดนี้ คือ สารประกอบกลุ่มอัลคาลอยด์ เช่น สตีโมนีน (stemonine) สตีโมนิดีน (stemonidine)  และทูเบอสตีโมนีน (tuberstemonine) เป็นต้น ข้อมูลจากภูมิปัญญายาสมุนไพรพื้นบ้านพบว่าจะมีการนำรากของหนอนตายหยากสายพันธุ์ Stemonatuberosa Lour. และ Stemona collinsae Craibมาใช้ประโยชน์โดยก่อนนำมาใช้ต้องผ่านกระบวนการทำลายพิษ อย่างไรก็ตามการใช้สารสกัดจากรากในการยับยั้งเซลล์มะเร็งนั้น พบงานวิจัยระดับเซลล์ในหลอดทดลองที่ศึกษาในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าจะสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ ​สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ควรศึกษาข้อมูลและข้อควรระวังต่าง ๆ รวมทั้งปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม!! อย่าแชร์!! ความร้อนบำบัดโดยใช้ก้อนถ่านหุงต้มสามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ทุกระยะและทุกอวัยวะของร่างกาย

ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่ยืนยันแน่ชัดว่าการใช้ความร้อนจากถ่านหุงต้มช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ ข้อสรุป : ข่าวปลอม การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีให้ความร้อนเฉพาะที่ (Hyperthermia) คือ การใช้คลื่นกำเนิดความร้อน เช่น คลื่นวิทยุ เพิ่มอุณหภูมิให้กับร่างกายหรือเนื้อเยื่อทำให้เกิดความร้อนเฉพาะจุดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งรวมถึงหลอดเลือดเล็ก ๆ ที่เข้ามาหล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะเป็นการเสริมการรักษาโรคมะเร็งโดยใช้ร่วมกับการรักษาหลัก เช่น การฉายรังสี หรือ การให้ยาเคมีบำบัดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคมะเร็งบางชนิด ในกระบวนการรักษาจะมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคำนวณจำนวนพลังงานความร้อนที่เหมาะสมต่อผู้ป่วย รวมถึงมีการควบคุมระดับความร้อนให้สม่ำเสมอเหมาะสมตามแผนการรักษาและป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากความร้อน จากการสืบค้นข้อมูลในประเด็นความร้อนบำบัดโดยใช้ก้อนถ่านหุงต้มช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ทุกระยะและทุกอวัยวะของร่างกายนั้น พบว่าปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าการใช้ความร้อนจากถ่านหุงต้มช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ ดังนั้นผู้ป่วยโรคมะเร็งควรพิจารณาและศึกษารายละเอียดการรักษาอย่างรอบคอบ เลือกวิธีการรักษาที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม!! อย่าแชร์!! สร้อยข้อมือแม่เหล็กป้องกันเซลล์มะเร็งไม่ให้ก่อตัว

ข้อเท็จจริง : ยังไม่ข้อมูลงานวิจัยที่ยืนยันว่าการใส่สร้อยข้อมือแม่เหล็กจะช่วยป้องกันมะเร็งในมนุษย์ได้ ข้อสรุป : ไม่จริง/ข่าวปลอม         ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าการใส่สร้อยข้อมือแม่เหล็กที่ผลิตจากไททาเนียมและเจอร์เมเนียมจะป้องกันเซลล์มะเร็งไม่ให้ก่อตัวขึ้นในร่างกายนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าไททาเนียมเป็นโลหะสีเงินส่วนใหญ่ใช้เป็นโครงสร้างในการผลิตอาวุธและอุปกรณ์ทางทหาร ส่วนเจอร์เมเนียมป็นธาตุกึ่งโลหะสีเทาเงินนิยมใช้ในการผลิตทรานซิสเตอร์ เซลล์แสงอาทิตย์ ใยแก้วนำแสง เป็นต้น เจอร์เมเนียมมีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงมีงานวิจัยที่มีการนำเจอร์มาเนียมสกัดมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น การรักษาอาการอักเสบ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และยังมีข้อมูลว่าการรับประทานเจอร์เมเนียมสังเคราะห์ เช่น สไปโรเจอร์เมเนียม (spirogermanium) โพรพาเจอร์เมเนียม (propagermanium) อาจจะมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น มีผลข้างเคียงต่อไต ปอด และระบบประสาท อย่างไรก็ตามการใส่สร้อยข้อมือที่ผลิตจากไททาเนียมและเจอร์เมเนียมจึงไม่มีความเกี่ยวข้องกับการป้องกันมะเร็งในมนุษย์           แม้ว่าโรคมะเร็งจะมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตามการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและการตรวจคัดกรองมะเร็งที่สามารถตรวจคัดกรองได้ถือเป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันมะเร็ง นอกจากนี้ควรสำรวจร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์!! การรับประทานพริกสด กระเทียมสด พริกไทยสด สามารถรักษาโรคมะเร็งได้

    ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานทางคลิกนิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานพริกสด กระเทียมสดและพริกไทยสดรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ ข้อสรุป : ไม่จริง/ข่าวปลอม           ตามที่มีการเผยแพร่คลิปวิดิโอที่มีเนื้อหาว่าการรับประทานพริกสด กระเทียมสด พริกไทยสดพร้อมมื้ออาหารเป็นประจำทุกวันจะสามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้นั้น จากการสืบค้นข้อมูลพบว่าพริก กระเทียม พริกไทยเป็นสมุนไพรที่นำมาใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาไทยโดยสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดล้วนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ซึ่งในพริกมีวิตามินซีกระเทียมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ได้แก่ ซิลิเนียม อัลลิซิน(Allicin)ฟลาโวนอยด์ เป็นต้น ส่วนพริกไทยมีสารฟีนอลิกและสารพิเพอรีน(Piperine)จากการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการพบว่าสมุนไพรทั้ง 3 ชนิดอาจจะมีส่วนในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานพริกสด กระเทียมสด และพริกไทยสดจะสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้           สมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนใช้ควรศึกษารายละเอียดต่าง ๆ รวมทั้งปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด           ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข  

ข่าวปลอม อย่าแชร์!! หญ้าปีกไก่ดำ สามารถรักษาโรคมะเร็งได้

    ข้อเท็จจริง : ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าหญ้าปีกไก่ดำรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ ข้อสรุป :ไม่จริง/ข่าวปลอม           หญ้าปีกไก่ดำชื่อวิทยาศาสตร์ Polygala chinensis L.มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า คำเตี้ยม้าอีก่ำหญ้ารากหอมเป็นต้นในตำรายาพื้นบ้านอีสานใช้เป็นยาบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย รักษาอาการหอบหืด จากการสืบค้นข้อมูลพบว่ามีการนำสารสกัดจากหญ้าปีกไก่ดำมาใช้ทดสอบฤทธ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตามงานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้นที่ศึกษาในระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าจะสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้           สมุนไพรมีคุณประโยชน์แต่ควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ชนิดของสมุนไพร ฤทธิ์ทางเภสัช และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรปรึกษาแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด           ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-680 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผู้ป่วยมะเร็งควรงดปลาหมึก หอยทุกชนิด และปลาที่เลี้ยงในกระชัง

ข้อเท็จจริง : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันแน่ชัดว่าผู้ป่วยมะเร็งควรงดรับประทานปลาหมึก หอย และปลาที่เลี้ยงในกระชัง ข้อสรุป : ข่าวปลอม อาหารในกลุ่มปลาหมึก หอย และปลา เป็นอาหารที่ให้สารอาหารในกลุ่มโปรตีน ซึ่งโปรตีนถือเป็นสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อร่างกายมีส่วนในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หากร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพออาจส่งผลให้กล้ามเนื้อถูกสลายไปใช้เป็นพลังงานส่งผลเสียต่อร่างกาย จากการเผยแพร่ข้อมูลว่าผู้ป่วยมะเร็งควรงดปลาหมึก หอย และปลาที่เลี้ยงในกระชังนั้น ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลหรือข้อแนะนำให้ผู้ป่วยมะเร็งงดอาหารดังกล่าว อย่างไรก็ตามแม้ว่าโปรตีนจะเป็นสารสำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ควรเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่หลากหลาย เช่น ปลา ไก่ ไข่ และนม เป็นต้น รวมถึงควรรับประทานในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น จำกัดการบริโภคอาหารทะเลบางชนิดที่อาจมีคอเลสเตอรอลสูง ตลอดจนเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการ โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งจำเป็นต้องได้รับพลังงานและสารอาหารอย่างครบถ้วนและเพียงพอโดยคำนึงถึงความต้องการของพลังงานตามอายุ กิจกรรม และระดับความรุนแรงของโรค เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร น้ำหนักลด การสูญเสียกล้ามเนื้อ และช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาโรค เป็นต้น  ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวบิดเบือน อย่าแชร์! มีเซลล์มะเร็ง พยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพราะทำให้เซลล์เกิดการอักเสบ

ข้อเท็จจริง : เนื้อสัตว์เป็นแหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามมีข้อมูลว่าการรับประทานเนื้อแดงเนื้อแปรรูปในปริมาณที่เกินพอดีและต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้ ข้อสรุป : ข่าวบิดเบือน โปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนสมบูรณ์ประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามแหล่งที่มาของโปรตีนก็มีส่วนสำคัญต่อการดูแลสุขภาพโดยรวมเช่นกัน เช่น โปรตีนจากเนื้อปลา หรือ อกไก่เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ สำหรับโปรตีนจากเนื้อหมู เนื้อวัว หรือเนื้อแกะควรพิจารณาเลือกส่วนที่ไม่ติดมันเพื่อลดการบริโภคไขมันและคอเลสเตอรอล นอกจากนี้มีข้อมูลว่าการรับประทานเนื้อแดงและเนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน และแฮมในปริมาณที่มากเกินพอดีและต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดได้ ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่หลากหลาย เช่น ปลา ไข่ และนม เป็นต้น รวมถึงควรรับประทานในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น รับประทานเนื้อแดงไม่เกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ และจำกัดการบริโภคเนื้อแปรรูป โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งควรเลือกรับประทานอาหารที่ถูกหลักโภชนาการในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความต้องการของพลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ ที่จำเป็นต่อร่างกายตามอายุ กิจกรรม และระดับความรุนแรงของโรค เพื่อป้องกันน้ำหนักลด การสูญเสียกล้ามเนื้อ และไม่ให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร มีสุขภาพที่แข็งแรง และลดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทางโรงพยาบาลจะมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการคอยให้คำปรึกษากับผู้ป่วยอยู่แล้ว ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือน และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800หน่วยงานที่ตรวจสอบ:…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ผู้ป่วยมะเร็งเสียชีวิตเพราะเคมีบำบัด ไม่ได้เสียชีวิตเพราะมะเร็ง

  ข้อเท็จจริง : การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัดเป็นวิธีการรักษาตามมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วโลกว่ามีประโยชน์กับผู้ป่วย ข้อสรุป : ไม่จริง/ข่าวปลอม         การรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือที่เรียกกันว่าการทำคีโม คือ การใช้ยาเข้าไปหยุดหรือชะลอการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคมะเร็งตามมาตรฐานที่ยอมรับกันทั่วโลกว่ามีประโยชน์กับผู้ป่วย สามารถรักษาโรคมะเร็งบางชนิดให้หายขาดได้ เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งลูกอัณฑะ แม้ว่าจะมีข้อมูลการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัดก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลายด้าน เช่น อาการคลื่นไส้และอาเจียน อาการอ่อนเพลีย ผมร่วง มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ เป็นต้น แต่ปัจจุบันได้มีการค้นคว้ายาเคมีบำบัดกลุ่มใหม่ ๆ ที่ให้ผลข้างเคียงลดน้อยลงกว่ายาเคมีบำบัดกลุ่มเดิม รวมถึงยังมีแนวทางปฏิบัติและยาที่ใช้ในการป้องกันและบรรเทาอาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัดทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น           ดังนั้นการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัดจึงเป็นประโยชน์กับผู้ป่วย อย่างไรก็ตามผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ต้องรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ควรสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงและการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องจากแพทย์และพยาบาล เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นหรือลดผลข้างเคียงให้เหลือน้อยที่สุด           ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำต้มหญ้างวงช้างและอ้อยดำ รักษามะเร็งปอด

ตามที่ได้มีข้อความชวนเชื่อเรื่อง น้ำต้มหญ้างวงช้างและอ้อยดำ รักษามะเร็งปอด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีคำแนะนำเรื่องรักษาโรคมะเร็งปอด ด้วยการดื่มน้ำต้มหญ้างวงช้างและอ้อยดำ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า ไม่สามารถนำหญ้างวงช้าง และอ้อยดำมาใช้รักษามะเร็งปอดในมนุษย์ได้ แม้จะมีข้อมูลผลการศึกษาวิจัยระดับเซลล์ในห้องปฏิบัติการที่พบว่าหญ้างวงช้าง และอ้อยดำ เป็นพืชสมุนไพรไทย อาจมีส่วนช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง แต่ผลดังกล่าวเป็นเพียงงานวิจัยเบื้องต้น ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าหญ้างวงช้าง และอ้อยดำช่วยรักษาโรคมะเร็งปอดได้ โดยปัจจุบันการรักษาโรคมะเร็งหลัก ๆ มี 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และรังสีรักษา ซึ่งการรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน และลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ควรศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ http://www.nci.go.th/ หรือโทร. 02-202-6800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่สามารถนำหญ้างวงช้างและอ้อยดำมาใช้รักษามะเร็งปอดในมนุษย์ได้ มีเพียงงานวิจัยเบื้องต้นในหลอดทดลองเท่านั้น หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! วิธีดูแลรักษาร่างกายเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

ข้อเท็จจริง : ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่าการรับประทานสมุนไพรและงดรับประทานเนื้อสัตว์จะช่วยรักษาอาการป่วยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ในมนุษย์ ข้อสรุป : ข่าวปลอม ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูล “วิธีดูแลรักษาร่างกายเมื่อป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” โดยให้รับประทานสมุนไพรต่าง ๆ หลายชนิดร่วมกับการงดรับประทานเนื้อสัตว์นั้น จากการสืบค้นข้อมูลวิชาการ พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าสมุนไพรตามที่มีการเผยแพร่สามารถช่วยรักษาอาการป่วยจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ในมนุษย์ได้ นอกจากนี้การงดรับประทานเนื้อสัตว์เพื่อหวังผลในการรักษาอาการป่วยจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเนื้อสัตว์ถือเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการอย่างครบถ้วน เช่น เนื้อปลาเป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายและมีไขมันต่ำ ถั่วชนิดต่าง ๆ และธัญพืชขัดสีที่ให้ทั้งโปรตีนและเส้นใยอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานโปรตีนจากแหล่งอาหารที่หลากหลายในปริมาณและสัดส่วนที่เหมาะสม เช่น รับประทานเนื้อแดงไม่เกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ รวมถึงการจำกัดการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูป การรับประทานสมุนไพรจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดด้านสรรพคุณ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา และวิธีการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารอย่างถูกหลักโภชนาการโดยคำนึงถึงความต้องการของพลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะขาดสารอาหารและมีสุขภาพที่แข็งแรง ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02-202-6800 หน่วยงานที่ตรวจสอบ: สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข