ข่าวบิดเบือน สารเบนซีนถูกปล่อยสู่ห้องโดยสารรถยนต์ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง

ตามที่ได้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง สารเบนซีนถูกปล่อยสู่ห้องโดยสารรถยนต์ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน จากที่มีการแชร์ข้อมูลว่าหากจอดรถตากแดด ก่อนเปิดแอร์บนรถต้องระบายความร้อนอย่างน้อย 2 -3 นาทีก่อน เพื่อลดการเกิดสารเบนซีน ต้นเหตุการเกิดโรคมะเร็งนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวมีบางส่วนที่ไม่เป็นจริง เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลสรุปได้แน่ชัดว่าความร้อนจากแสงแดดทำให้อุปกรณ์ในรถปล่อยสารเบนซีนออกมาสู่ห้องโดยสารรถยนต์ ในระดับที่ทำให้เป็นพิษต่อร่างกายจนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็ง แต่หากจำเป็นต้องจอดรถในที่อุณหภูมิสูง ควรลดกระจกลงเพื่อระบายความร้อนและให้อากาศภายในรถกระจายออกไปด้านนอก โดยเบนซีน จัดเป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ในกลุ่มอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนที่ถูกนำมาใช้ประโยชน์สำหรับเป็นตัวทำละลายในการผลิตทางอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมพลาสติก ยาฆ่าแมลง สีย้อมผ้า สี และหมึกพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งสารเบนซีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายจากหายใจ หากได้รับในปริมาณสูงจะทำให้เกิดอาการเฉียบพลัน เช่น เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ วิงเวียนศีรษะ และทำให้หมดสติ หรืออาจเสียชีวิตได้ หากได้รับสารเบนซีนเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดอาการเรื้อรัง เช่น มีภาวะโลหิตจาง เกิดภูมิแพ้ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ประกาศค่ามาตรฐานเฝ้าระวังสำหรับเบนซีนในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ควรเกิน 7.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3) แต่ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดค่าที่ปลอดภัยสำหรับการสัมผัสสารเบนซีนในระยะยาวทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นข้อมูลการวิจัยคุณภาพอากาศในห้องโดยสารรถยนต์พบสารเบนซีนในระดับที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ อุณหภูมิและความกว้างของห้องโดยสาร รวมถึงอายุการใช้งานของรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ข้อมูลที่สามารถสรุปได้ว่าความร้อนจากแสงแดดทำให้อุปกรณ์ในรถปล่อยสารเบนซีนออกมาในระดับที่ทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ขัดผิวแบบแห้ง ช่วยถอนพิษผู้ป่วยโรคมะเร็ง

ตามที่มีการเผยแพร่วิดีโอลงโซเชียลมีเดียซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง ขัดผิวแบบแห้ง ช่วยถอนพิษผู้ป่วยโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีการบอกสรรพคุณของการขัดผิวแบบแห้งว่า เป็นเทคนิคที่สามารถถอนพิษสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งได้ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สืบค้นข้อมูลทางวิชาการและชี้แจงว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าการขัดผิวแบบแห้งสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ ทั้งนี้ การขัดผิวแบบแห้ง หรือ Dry Brush Exfoliation คือ การขัดผิวด้วยแปรงขัดผิวขณะที่ตัวยังแห้งก่อนอาบน้ำ เป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกด้วยวิธีทางกายภาพ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและต่อมน้ำเหลือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขัดผิวเพื่อประโยชน์ทางด้านความสวยงาม ไม่ใช่เพื่อรักษาโรคแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษา เช่น ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด ได้รับการฉายรังสี ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาก่อน ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากการสืบค้นข้อมูลวิชาการ พบว่า ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันว่าการขัดผิวแบบแห้งสามารถรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่

ตามที่มีการเผยแพร่เตือนประเด็นเรื่องริดสีดวงเป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ กรณีคำเตือนเรื่องสุขภาพที่ระบุเป็นริดสีดวงจะทำให้มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่าโรคริดสีดวง ไม่ได้เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งริดสีดวง เป็นโรคที่เกิดจากเส้นเลือดดำทวารหนัก หรือส่วนปลายสุดของลำไส้ใหญ่มีการบวมพองยื่นนูนเป็นติ่งออกมาจากทวารหนัก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ริดสีดวงภายใน เกิดบริเวณเนื้อเยื่อทวารหนักที่อยู่สูงกว่าระดับหูรูดทวารหนัก และริดสีดวงภายนอก เกิดบริเวณทวารหนักส่วนล่าง มีอาการนูนเป็นติ่งออกจากทวารหนัก โดยปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่ การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานเนื้อแดงเนื้อแปรรูปเป็นประจำ อาหารกากใยน้อย อาหารปิ้งย่างรมควัน ตลอดจนขาดการออกกำลังกาย เป็นต้น อาการของโรคที่พบบ่อย ได้แก่ การถ่ายอุจจาระมีมูกปนเลือดหรืออาจถ่ายเป็นเลือดสดๆ มีอาการท้องผูกสลับท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง/ถ่ายไม่สุด ขนาดของลำอุจจาระเล็กลง และมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด เป็นต้น ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ…

กินปลานิลดิบ เสี่ยงเป็นมะเร็งท่อน้ำดี จริงหรือ?

ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง กินปลานิลดิบ เสี่ยงเป็นมะเร็งท่อน้ำดี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง ปลาน้ำจืดมักจะมีพยาธิใบไม้ตับ (Opisthorchis viverrini) ซึ่งมีหลักฐานยืนยันแน่ชัดแล้วว่าพยาธิชนิดนี้เป็นสาเหตุสำคัญต่อการเกิดมะเร็งท่อน้ำดี ดังนั้นการรับประทานปลาน้ำจืดดิบ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ ที่มีการปนเปื้อนพยาธิใบไม้ตับ อาจส่งผลต่อการเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งท่อน้ำดีได้ จึงไม่ควรรับประทานปลาน้ำจืดโดยเฉพาะปลาที่มีเกล็ด แบบดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ โดยอาหารที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ ได้แก่ ก้อยปลาดิบ ปลาส้มดิบ ปลาร้าดิบ เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800

ผู้ป่วยโรคอ้วน มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนปกติ จริงหรือ?

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องผู้ป่วยโรคอ้วน มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนปกติ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง ผู้ป่วยโรคอ้วนมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งมากกว่าคนปกติซึ่งพบว่าข้อมูลมีความถูกต้อง โดยโรคอ้วนนั้น (Obesity) เป็นภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันมากเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญออกไป และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิต กรรมพันธุ์ อายุ หรือ ปัจจัยทางการแพทย์ที่อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดภาวะอ้วน และปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เป็นต้น โรคอ้วนยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพหลายด้าน เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะในผู้หญิงอ้วนวัยหมดประจำเดือนหรือวัยทอง เนื้อเยื่อไขมัน (Fat tissue) จะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักของผู้หญิง ทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับผู้หญิงผอม ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีระดับฮอร์โมนอินซูลินที่สูง อาจกระตุ้นให้เซลล์พัฒนาผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ (nci.go.th) หรือโทร. 02 2026800

ข่าวปลอม อย่าแชร์! กระทะเทฟลอน เมื่อโดนความร้อนจะปล่อยสารก่อโรคมะเร็ง

ตามที่มีกระแสข่าวในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง กระทะเทฟลอน เมื่อโดนความร้อนจะปล่อยสารก่อโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวว่า กระทะเทฟลอนเมื่อได้รับความร้อนจะปล่อยสารที่ใช้เคลือบออกมา ทำให้ปะปนในอาหารและเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคมะเร็งนั้น ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า สารเทฟลอนที่นิยมใช้เคลือบกระทะ คือ Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่สังเคราะห์มาจาก Tetrafluoroethylene (TFE) เป็นสารที่เสถียรและทนความร้อนได้สูงมาก กรณีได้รับความร้อนสูงจนเกิดความเสียหายจะเกิดการหดตัวและหลุดร่อนเท่านั้น เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายจะถูกขับถ่ายออกมาพร้อมกับอุจจาระ โดยไม่ได้ทำปฏิกิริยาหรือดูดซึมเข้าร่างกาย ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า เทฟลอนเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ กระทะเทฟลอนสามารถนำมาใช้ในการทำอาหารได้ ทั้งนี้อาจมีข้อจำกัดสำหรับอายุการใช้งาน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเหมาะกับการใช้งานตามคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการผลิตเทฟลอนอาจมีการใช้สาร Perfluorooctanoic acid หรือ PFOA (ซึ่งขณะนี้ไม่นิยมนำมาใช้แล้ว) สารดังกล่าวถูกจัดให้เป็นกลุ่มสารที่มีความเป็นไปได้ในการก่อมะเร็งในสัตว์ทดลอง โดยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกของตับ ตับอ่อน อัณฑะ และเต้านมของสัตว์ แต่ยังไม่มีหลักฐานงานวิจัยที่ศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ยังคงต้องรอการศึกษาวิจัยต่อไปในอนาคต ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ดื่มน้ำสมุนไพร แก้โรคมะเร็งในกระดูก

ตามที่มีการโพสต์ข้อความ เกี่ยวกับประเด็น ดื่มน้ำสมุนไพร แก้โรคมะเร็งในกระดูก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความเรื่อง ดื่มน้ำสมุนไพร แก้โรคมะเร็งในกระดูก โดยระบุว่า นำสมุนไพรทั้ง 7 อย่าง ได้แก่ ต้นหนอนตายหยาก เปลือกต้นกุ่ม หัวยาข้าวเย็นเหนือ หัวยาข้าวเย็นใต้ ดินประสิว สารส้ม กำมะถัน ใส่หม้อดินต้มกับน้ำ ใช้รับประทานครั้งละ 1 ถ้วยชา วันละ 3 เวลา ช่วยแก้โรคมะเร็งในกระดูก แก้ปวดกระดูก ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงว่า สูตรสมุนไพรดังกล่าวไม่สามารถนำมารักษาโรคมะเร็งในกระดูกได้ เนื่องจากยังไม่มีการวิจัยหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการ พบว่า ต้นหนอนตายหยาก เปลือกต้นกุ่ม หัวยาข้าวเย็นเหนือ หัวยาข้าวเย็นใต้ เป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดเป็นองค์ประกอบ เช่น สารไตรเทอร์ปีนอยด์ สารฟีนอลิกส์ สารฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ อาจมีส่วนช่วยขัดขวางและหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ และช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายเท่านั้น ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ  และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/…

ข่าวปลอม อย่าแชร์! ต้นบานเย็น ช่วยรักษาโรคมะเร็ง

ตามที่มีกระแสข่าวตามสื่อออนไลน์ เรื่อง ต้นบานเย็น ช่วยรักษาโรคมะเร็ง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความว่า ต้นบานเย็น ช่วยรักษาโรคมะเร็ง ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่าต้นบานเย็นไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งในมนุษย์ได้ เนื่องจากบานเย็น เป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในตำรับยาสมุนไพรโดยเฉพาะส่วนหัวหรือรากซึ่งมีการบันทึกสรรพคุณไว้หลายด้าน เช่น ลดไข้ ลดอาการอักเสบ อย่างไรก็ตามจากการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิคที่รายงานการใช้ต้นบานเย็นในการรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์ การรับฟังข้อมูลที่ไม่ผ่านการพิจารณาหรือตรวจสอบข้อเท็จจริง อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนและอาจลดโอกาสการรักษาทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ๆ ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/ หรือ www.nci.go.th หรือโทร. 02 2026800 บทสรุปของเรื่องนี้คือ : จากการตรวจสอบข้อมูลวิชาการพบว่าต้นบานเย็นไม่สามารถนำมาใช้รักษามะเร็งในมนุษย์ได้ หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ

ข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำแข็งยูนิคใส่สารฟอร์มาลีน ทำให้คนไทยเป็นมะเร็งอันดับ 1 ของโลก

ตามที่มีกระแสข่าวตามสื่อออนไลน์ เรื่อง น้ำแข็งยูนิคใส่สารฟอร์มาลีน ทำให้คนไทยเป็นมะเร็งอันดับ 1 ของโลก ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ จากที่มีการแชร์ข้อมูลว่าน้ำแข็งยูนิคที่รับประทานผสมสารฟอร์มาลีน เพื่อให้นำแข็งละลายช้า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนไทยเป็นมะเร็งมากที่สุดในโลก ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ได้ชี้แจงว่า ฟอร์มาลีนไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอาหาร และไม่มีคุณสมบัติทำให้น้ำแข็งตัวได้เร็วหรือละลายช้า ซึ่งน้ำแข็งผลิตจากกระบวนการเปลี่ยนสถานะของน้ำจากของเหลวเป็นของแข็งน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ไม่จำเป็นต้องเติมสารอื่นเพิ่มเติม โดยฟอร์มาลีน หรือ สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีพิษ ประกอบด้วยก๊าซฟอร์มาลดีไฮด์ละลายน้ำด้วยความเข้มข้นร้อยละ 37 มีลักษณะเป็นน้ำใส มีกลิ่นฉุน แสบจมูกและตา ฟอร์มาลีนถูกนำมาใช้ประโยชน์หลายด้าน เช่น เป็นสารตั้งต้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ในทางการแพทย์นำมาใช้ในการรักษาสภาพร่างกายมนุษย์ที่เสียชีวิต ใช้ในห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยา ในขั้นตอนการคงสภาพของเนื้อเยื่อในเทคนิคทางด้านเนื้อเยื่อวิทยา เพราะทำให้โปรตีนแข็งตัว สำหรับประเด็นเรื่องที่คนไทยเป็นมะเร็งมากที่สุดในโลกนั้น ในด้านสถิติการเสียชีวิตของประชากรไทย ข้อมูลจากสถิติสาธารณสุขรายงานว่าโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย อย่างไรก็ตามอุบัติการการเกิดโรคมะเร็งของไทยไม่ได้เป็นอันดับ 1 ของโลก รายงานจากองค์การอนามัยโลก (Globocan 2020) ประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่จัดเป็นอันดับที่ 89 ของโลก ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ http://thaicancernews.nci.go.th/_v2/…