รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งกับน้ำอัดลม : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  23 มี.ค. 2555           ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ มีข่าวฮือฮาที่สหรัฐอเมริกาเรื่องมีสารก่อมะเร็งในส่วนผสมของน้ำอัดลมสีดำยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ ทำเอาบริษัทผู้ผลิตน้ำอัดลมทั้งรายเล็กรายใหญ่ต้องออกโรงมาชี้แจงกันเป็นการใหญ่           เหตุของเรื่องมาจากการที่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทางมลรัฐแคลิฟอร์เนียได้เพิ่มรายชื่อสาร 4-เมธิลอิมิดาโซลเป็นสารก่อมะเร็งตัวใหม่ในกฎหมายของรัฐ สืบเนื่องมาจากการที่มีงานวิจัยพบว่าเจ้าสารตัวนี้ทำให้เกิดมะเร็งในหนูทดลอง สาร 4-เมธิลอิมิดาโซลที่ว่าเป็นสารที่ไม่ได้ถูกรับเชิญให้มาอยู่ในน้ำดำอย่างเต็มอกเต็มใจผู้ผลิตสักเท่าไรนัก แต่เป็นผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นมาจากขั้นตอนการผลิต การที่จะทำให้น้ำอัดลมมีสีดำนั้น เขาใช้คาราเมลหรือน้ำตาลที่ผ่านการเคี่ยวจนเหนียวข้นเป็นสีน้ำตาลมาผสมกับสารอีกตัวคือ แอมโมเนียซัลไฟต์ เพื่อให้ได้สีที่เข้มขึ้นเป็นสีดำอย่างที่เราเห็น แต่ดันได้สาร 4-เมธิลอิมิดาโซลแถมมาอยู่ในน้ำดำด้วย นอกจากนั้นปริมาณของสารในน้ำดำยังสูงเกินมาตรฐานที่กฎหมายรัฐแคลิฟอร์เนียกำหนดไว้ซะอีก ทางการจึงแจ้งเตือนประชาชนและกำชับกับทางบริษัทผู้ผลิตน้ำดำทั้งหลายว่า ห้ามหมกเม็ดต้องติดฉลากคำเตือนเรื่องสารก่อมะเร็งที่ภาชนะบรรจุเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องอันมีผลต่อสุขภาพ           ทางด้านบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่และสมาคมเครื่องดื่มของสหรัฐอเมริกา ก็รีบออกแถลงการณ์ในนามตัวแทนผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มทั่วสหรัฐว่า บริษัทยินยอมเปลี่ยนแปลงส่วนผสมในการผลิตน้ำดำอย่างไม่อิดออด แม้จะอ้างว่ามีงานวิจัยแค่เพียงฉบับเดียวที่สนับสนุน และที่สำคัญไม่ใช่ยอมเปลี่ยนเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนียเท่านั้น แต่จะใช้กับทุกรัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว แถมยังยืนยันกับแฟนน้ำดำว่ารสชาติของเครื่องดื่มยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐหรือเอฟดีเอก็ออกมาให้ความมั่นใจแก่ผู้บริโภคว่า หากจะให้คนเราได้รับสาร 4-เมธิลอิมิดาโซลในปริมาณที่เท่ากับที่หนูทดลองได้รับในงานวิจัย เราจะต้องดื่มน้ำดำทุกวัน วันละเป็นพันๆ กระป๋องติดต่อกันหลายปีจึงจะเป็นมะเร็ง ทำให้ผู้บริโภคใจชื้นขึ้นมาบ้าง…

รู้ทันมะเร็ง : : น้ำขวดปลอดสารก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  20 มิ.ย. 2557           เป็นข่าวลือกันมานานช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรื่องน้ำดื่มบรรจุขวดที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ ว่าการดื่มน้ำบรรจุขวดที่ถูกวางทิ้งไว้ในรถที่จอดตากแดดจะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารก่อมะเร็งที่มีชื่อว่าสารไดออกซิน           ก่อนอื่นมาทำความรู้จักเจ้าสารไดออกซินที่ถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้กันก่อน สารไดออกซินเป็นกลุ่มของสารเคมีหลายร้อยชนิดที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์ แต่ส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุหลังมากกว่า ทั้งจากอุตสาหกรรมหลายประเภท การเผาไหม้ตามธรรมชาติ เผาขยะโดยเฉพาะขยะพลาสติกจากอุตสาหกรรมและบ้านเรือนที่มีสารพีวีซีหรือคลอรีนเป็นส่วนประกอบ สามารถสะสมในอาหารในไขมันของสัตว์ที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันนี้ สารในกลุ่มไดออกซินถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์มาตั้งแต่ปี 2540 แล้ว โดยออกฤทธิ์ในการลดภูมิต้านทานของเราและกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งที่อาจแอบแฝงตัวอยู่เจริญเติบโตได้มากขึ้น ที่น่ากลัวคือเป็นสาเหตุของมะเร็งได้หลายอวัยวะอีกต่างหาก นอกจากนั้นยังมีผลเสียต่อสุขภาพในแบบเรื้อรังอีกหลายอย่าง           อีกเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันก่อนก็คือประเภทของขวดน้ำที่ใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันทุกวันนี้มี 3 ประเภทหลักคือขวดใส ขวดขาวขุ่น และขวดน้ำขนาดใหญ่แบบเติมสีฟ้าใส ขวดใสที่ผลิตจากสาร PET หรือที่เรียกกันว่าขวดเพ็ต ส่วนขวดสีขาวขุ่นผลิตจากสารพีอีหรือโพลีเอทิลีน และขวดน้ำขนาดใหญ่แบบเติมสีฟ้าใสผลิตจากสารพีพีหรือโพลีโพรพิลีน เจ้าพลาสติกทั้ง 3 ชนิดที่ใช้ทำขวดน้ำดื่มที่ว่า ไม่มีส่วนประกอบของสารพีวีซีหรือคลอรีนแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่จะมีสารไดออกซินสลายตัวออกมาจากวัสดุที่ทำขวดน้ำ จึงแทบจะไม่มีความเป็นไปได้…

รู้ทันมะเร็ง : เหล้า มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  19 เม.ย. 2556           ควันหลงหลังเทศกาลสงกรานต์หยุดยาว เชื่อว่าหลายท่านคงได้เผชิญหน้ากับสารพัดเครื่องดื่มตระกูลแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็นเหล้า เบียร์ ไวน์กันบ้างไม่มากก็น้อย ผู้ที่มีญาติสนิทมิตรสหายจากไปจากผลของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเสียชีวิตไปในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ทั้งจากที่ดื่มเองหรือจากความโชคร้ายที่คนอื่นดื่มแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุ ก็ต้องขอแสดงความเสียใจไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่สำหรับนักดื่มก็อย่าพึ่งดีใจว่าสามารถรักษาชีวิตรอดปลอดภัยจากอุบัติเหตุมาได้ โรคของตับและตับอ่อนยังรอคอยนักดื่มมืออาชีพอยู่ที่สถานีต่อไป หากไม่ลดละเลิกพฤติกรรมดังกล่าว           ตับแข็ง มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน 3 โรคที่มีคำว่าตับเหมือนกันแล้ว ทั้งหมดยังเกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสนิทแนบแน่น เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเรียกชื่อเต็มยศว่าเอธิลแอลกอฮอล์หรือเอธานอลเข้าสู่ทางเดินอาหาร เซลล์ตับจะกำจัดเอธานอลโดยเปลี่ยนให้เป็นสารที่เรียกว่า อะเซททาลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสารที่มีพิษมากกว่า ทำลายเซลล์ตับเกิดภาวะไขมันจับตับหรือไขมันพอกตับ ถ้ามีการอักเสบและการทำลายของเซลล์ตับที่มากขึ้น มีการสร้างผังผืดแผลเป็นแทนเนื้อตับปกติ ทำให้ตับเล็กลง ผิวขรุขระที่เรียกว่าตับแข็งในที่สุด ในระหว่างที่เซลล์ตับมีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ว่านั้น ก็มีโอกาสที่จะเกิดมะเร็งเซลล์ตับได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องรอให้เป็นตับแข็งก่อนแล้วถึงจะเป็นมะเร็งเซลล์ตับได้เสมอไป ยิ่งถ้าบุคคลผู้นั้นมีภาวะอื่นที่ตับไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เช่น เป็นพาหะที่ไม่มีอาการของโรคไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดบีหรือชนิดซี ก็มีโอกาสที่เซลล์ตับจะเสียหายเป็นตับแข็งและเป็นมะเร็งตับได้ง่ายกว่าและเร็วขึ้น          …

รู้ทันมะเร็ง : กินเหล้าเคล้ามะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  12 เม.ย. 2556           ปี 2556 ปีนี้เป็นปีพิเศษที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องติดต่อกันหลายวัน จนมนุษย์เงินเดือนพากันมีความสุขกันเป็นส่วนใหญ่ หลายคนวางแผนเดินทางท่องเที่ยวลาพักร้อนเพิ่มเพื่อให้ได้หยุดยาวสะใจ คงไม่มีใครปฏิเสธนะครับว่าเทศกาลวันหยุดยาวทีไร รัฐบาลต้องมีมาตรการเข้มงวดกวดขันรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับกันทุกช่วงวันหยุดยาว ไม่ว่าจะเป็นช่วงสงกรานต์ ปีใหม่ เพื่อลดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนจนระยะหลังหลายคนเริ่มรู้สึกเฉยชา แต่โทษภัยระยะยาวต่อสุขภาพนั้นมีมากมายหลายอย่าง ไม่เว้นแม้แต่โรคมะเร็งก็เป็นหนึ่งในโรคสำคัญที่มีสาเหตุมาจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์           เป็นที่ยอมรับกันในวงการแพทย์อย่างไม่ต้องสงสัยแล้วว่าแอลกอฮอล์จัดเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ คือเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่มที่ 1 โดยองค์การวิจัยมะเร็งนานาชาติ โดยภาพรวมของทั้งโลกแล้วการบริโภคแอลกอฮอล์มีความสัมพันธ์กับมะเร็งร้อยละ 3.6 และมีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งร้อยละ 3.5 จากงานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา พบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางต่อเนื่องจะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งช่องปาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งคอหอย มะเร็งกล่องเสียง โดยความเสี่ยงจะเพิ่มมากขึ้นหากดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากกว่าหนึ่งดริงก์ต่อวันในผู้หญิงและสองดริงก์ต่อวันสำหรับผู้ชาย โดยนิยามของหนึ่งดริงก์เท่ากับปริมาณเอทานอลแอลกอฮอล์ 10-15 กรัม เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นก็เท่ากับเหล้าวิสกี้ปริมาณ 44 ซีซี หรือไวน์ 148 ซีซีหรือหากเป็นเบียร์หรือไวน์คูลเลอร์ก็เท่ากับ 355 ซีซี  …

รู้ทันมะเร็ง – ชาเขียวต้านมะเร็งในคนได้จริงหรือ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  1ก.ค. 2554          ยุคสมัยนี้ใครไม่รู้จักชาเขียวนับว่าเชยเต็มที เรียกว่าร้านขายเครื่องดื่มหรือร้านสะดวกซื้อแทบทุกร้านต้องมีชาเขียวพร้อมดื่มสารพัดรสชาติไว้จำหน่าย ทั้งๆ ที่สมัยก่อนคนไทยเรารู้จักแต่ชาจีน ชาอังกฤษ ชาดำเย็น ชาเย็น         แต่ปัจจุบันนี้จะหาชาพวกที่ว่าแบบพร้อมดื่มยังหายากกว่าหาชาเขียว คนส่วนใหญ่รู้ว่าการดื่มชาเขียวส่งผลดีต่อสุขภาพ ตั้งแต่โบราณกาลมีการใช้ชาเป็นทั้งเครื่องดื่มและเป็นยา ชาเขียวซึ่งเป็นชาที่ไม่ผ่านการหมักประกอบด้วยสารหลายชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ตัวสำคัญคือสารโพลีฟีนอล พระเอกของสารในกลุ่มนี้มีชื่อว่า ”คาทาชิน” เป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งพบมากในชาเขียว งานวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่าสารคาทาชินยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็งผิวหนัง ปอด ช่องปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ตับอ่อนและเต้านม                   แต่การศึกษาในมนุษย์ทั้งในแง่ระบาดวิทยาและการวิจัยในระดับคลินิกยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ณ เวลานี้ว่าชาเขียวช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งหรือช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง รวมถึงไม่สามารถยับยั้งหรือรักษาโรคมะเร็งในคนได้แต่อย่างใด จำเป็นต้องรอการวิจัยทางคลินิกแบบสุ่มและควบคุมตัวแปรต่างๆ ในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันจะมีบางรายงานที่สนับสนุนแต่ด้วยความหลากหลายของตัวแปรต่างๆ ในงานวิจัยเหล่านั้นจึงยังไม่สามารถสรุปได้ สถาบันมะเร็งแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกาและสมาคมโรคมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาจึงยังไม่มีคำแนะนำอย่างเป็นทางการว่าการบริโภคชาสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งประเภทต่างๆ ในคนได้อย่างมีนัยสำคัญ   …