รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งจากบุหรี่ : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  3 มิ.ย. 2559           ควันหลงหลังผ่านวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคมของทุกปี ปีนี้มุ่งเน้นการรณรงค์ในหัวข้อ “ซองบุหรี่แบบเรียบ ลดภัยเงียบ ลดโรค” ผู้คนส่วนใหญ่ลูกเด็กเล็กแดงก็รู้กันอยู่แล้วว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของมะเร็งปอด แต่แท้จริงแล้วบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของมะเร็งอีกมากมายหลายอวัยวะ           สืบเนื่องมาจากในควันบุหรี่ ยาเส้น ซิการ์ และอีกสารพัดยาสูบนั้น มีน้ำมันดินหรือทาร์ นิโคติน ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ สารหนู ตะกั่วและสารพิษอื่นๆ มากกว่า 4,000 ชนิด ในจำนวนนี้มากกว่า 60 ชนิดเป็นสารก่อมะเร็ง คนสูบบุหรี่จึงได้รับสารพวกนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ได้รับควันบุหรี่มือสองจากคนสูบข้างเคียง สถิติจากประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า การสูบบุหรี่ทำให้เกิดการเสียชีวิตจากมะเร็งปอดได้สูง 80 กว่าเปอร์เซ็นต์และเป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสียชีวิตจากมะเร็งอวัยวะอื่นๆ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ข้อมูลของบ้านเราเกือบ 24 เปอร์เซ็นต์หรือหนึ่งในสี่ของคนไทยที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ หากแยกเป็นเพศพบว่า 34…

รู้ทันมะเร็ง : กล่องโฟมก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  13 มี.ค. 2558           สัปดาห์ที่แล้วมีการแถลงข่าวภัยร้ายของกล่องโฟม หลายภาคส่วนเข้ามาร่วมแรงร่วมใจ นับเป็นนิมิตหมายอันดีที่สังคมไทยจะลดละเลิกการใช้กล่องโฟมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในอนาคต ต้องขอชมเชยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขที่เป็นหัวเรือหลักในการรณรงค์ครั้งนี้ เพราะเจ้าภาชนะที่ทำจากโฟมไม่ว่าจะเป็นกล่องโฟมแก้วโฟม ล้วนเป็นภัยต่อสุขภาพระยะยาวทั้งสิ้น           กล่องโฟมที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีนั้นมีชื่อภาษาอังกฤษว่าโพลีสไตรีน ทำมาจากสารตั้งต้นที่ชื่อสไตรีน เป็นสารที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ในสัตว์ทดลอง โดยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของดีเอ็นเอและโครโมโซม แต่ในคนยังไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจน ปัจจุบันองค์การวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศจึงจัดเจ้าสารสไตรีนเป็นสารก่อมะเร็งในกลุ่ม 2B คือมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เจ้าสารสไตรีนนี้มีคุณสมบัติละลายได้ดีในน้ำมันและแอลกอฮอล์ ดังนั้น หากนำจานชามโฟมไปใส่อาหารที่มีไขมันสูงหรือใช้ถ้วยโฟมเป็นภาชนะสำหรับดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ก็ยิ่งทำให้สารสไตรีนละลายออกมาในอาหารเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้นยังละลายได้ดีขึ้นในอุณหภูมิสูงจากการที่เจ้าสารสไตรีนสามารถละลายในไขมัน เมื่อเข้าสู่ร่างกายและมีการสะสมของสารนี้ทีละน้อยเป็นเวลานานๆ จึงมักจะไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อที่มีไขมันสูง เช่น สมอง ไขสันหลัง เส้นประสาท ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย วิตกกังวล นอนไม่หลับ และอาการอื่นๆ ทางระบบประสาท นอกจากนั้นยังมีอันตรายต่อระบบโลหิตคือทำให้เกล็ดเลือดและความเข้มข้นของเลือดต่ำลง เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าข้อมูลปัจจุบันยังไม่ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นสารก่อมะเร็งในคนก็ตาม แต่ในอนาคตอาจมีผลการศึกษาที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ที่แน่ๆ เวลานี้ก็คือมีผลเสียต่อสุขภาพหลายระบบดังที่กล่าวแล้ว  …

รู้ทันมะเร็ง : น้ำมันดิบรั่วก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  9 ส.ค. 2556           ข่าวการรั่วไหลของน้ำมันดิบในทะเล จ.ระยอง เป็นข่าวใหญ่คึกโครมอยู่หลายวัน ภาพคราบน้ำมันสีดำเหนียวข้นสกปรกลอยอยู่ใกล้ชายหาด บนหาดทราย บนโขดหินชายฝั่งอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทำเอานักท่องเที่ยวหนีกลับไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นผู้บริโภคยังพากันไม่กล้ากินอาหารทะเลจากทะเลระยองเสียอีก ทำเอาเศรษฐกิจแถบนั้นซบเซาลงไปทันตาเห็น           โดยทั่วไปเมื่อมีการรั่วของน้ำมันดิบลงทะเลจำนวนมากเกิดขึ้น แนวทางปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับในทางสากลคือต้องรีบหาทางควบคุมไม่ให้การกระจายของน้ำมันดิบขยายวงกว้างออกไป กันคนที่อยู่ละแวกนั้นออกนอกพื้นที่ ห้ามจับสัตว์น้ำบริเวณนั้นมาบริโภค แม้ว่าบรรดาสัตว์น้ำจะพากันหนีออกจากบริเวณนั้นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่พวกสัตว์ที่เคลื่อนไหวได้ช้า เช่น พวกหอยชนิดต่างๆ ก็มีโอกาสได้รับสารพิษจากน้ำมันดิบคือพวกสารไฮโดรคาร์บอน พวกโลหะหนัก เช่น สังกะสี แมงกานีส สารหนู ซึ่งสัตว์ทะเลทั้งหลายที่ได้รับสารพิษเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพผู้บริโภคได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว           ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวที่น่ากลัวเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมะเร็ง จากการที่ในน้ำมันดิบมีสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน หรือสารพีเอเอช ที่สำคัญคือเจ้าสารพีเอเอชที่ว่าเป็นกลุ่มของสารก่อมะเร็งที่มีสมาชิกมากมายหลายตัวไม่ต่ำกว่า 18 ตัว เป็นสาเหตุของมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด…

รู้ทันมะเร็ง : : เมลามีนปลอมก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  17 พ.ค. 2556           เชื่อว่ายุคนี้หลายคนคงคุ้นเคยกับร้านขายของราคาถูกราคาย่อมเยาตามตลาดนัด ร้านค้าย่อยในงานแสดงสินค้าหรือแผงลอยในห้างสรรพสินค้า ที่บรรดาสินค้าที่วางขายราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อแต่คุณภาพคงไม่ต้องพูดถึง สินค้าหลายชนิดอาจไม่มีผลเสียต่อสุขภาพแต่พวกภาชนะใส่อาหารที่วางขายอยู่ด้วยไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ถ้วยพลาสติกที่ดูเหมือนเมลามีน แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เมลามีนแท้แต่เป็นเมลามีนปลอมที่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง          ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขออกโรงมาเตือนเรื่องเมลามีนปลอม ภัยใกล้ตัวที่หลายคนอาจยังไม่มีความรู้หรืออาจจะคาดไม่ถึง เพราะจากการสำรวจตลาดพบว่าภาชนะพลาสติกส่วนใหญ่ที่วางขายตามแหล่งที่ว่า เป็นยูเรียฟอร์มัลดีไฮด์หรือเมลามีนปลอมเป็นส่วนใหญ่ สารตัวนี้เมื่อเจอความร้อนที่เกินกว่า 60 องศาเซลเซียสหรือเจอกรดน้ำส้ม ก็จะปล่อยสารพิษที่ชื่อว่าฟอร์มัลดีไฮด์ออกมา อุณหภูมิยิ่งสูงสารพิษก็ยิ่งออกมามาก ซึ่งองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศจัดให้ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ตั้งแต่ปี 2549 โดยพบว่ามีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งโพรงจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งสมองและมะเร็งเม็ดเลือดขาว ปัจจุบันมีหลักฐานจากงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดไมอีลอยด์อย่างมีนัยสำคัญ           โดยปกติแล้วเมลามีนแท้หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือเมลามีนฟอร์มัลดีไฮด์เป็นพลาสติกที่ปลอดภัยในการใช้เป็นภาชนะใส่อาหารทั่วไป แต่หากใช้ไม่ถูกวิธี เช่น นำไปใช้กับไมโครเวฟหรือเตาอบจะทำให้เกิดอันตราย และเมื่อพลาสติกชำรุดหรือมีสภาพเก่าเสื่อมสภาพจนสีเปลี่ยนไป ก็ไม่ควรนำมาใช้โดยเฉพาะการใช้ใส่อาหารร้อน อุณหภูมิที่ปลอดภัยในการใช้เมลามีนอยู่ที่ระดับ 70-80 องศาเซลเซียส อันตรายที่เกิดจากการใช้เมลามีนแท้แบบไม่ถูกวิธีก็อาจได้รับสารก่อมะเร็งฟอร์มัลดีไฮด์ไม่ต่างจากพวกเมลามีนปลอมได้เช่นกัน เพียงแต่ว่าเมลามีนปลอมปล่อยสารฟอร์มัลดีไฮด์ออกมาได้ง่ายกว่า…

รู้ทันมะเร็ง : ฟอร์มาลีนก่อมะเร็ง : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  7 มี.ค. 2557           สัปดาห์ก่อนมีข่าวการออกตรวจตลาดสดที่หลายจังหวัดตั้งแต่นครสวรรค์ พิษณุโลก และกรุงเทพมหานคร ตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนน้ำยาดองศพหรือสารฟอร์มาลีนในอาหารสดหลายประเภท จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยสำหรับบ้านเรา เพียงแต่ว่าจะออกมาตีฆ้องร้องป่าวให้สังคมได้รับรู้เมื่อไรเท่านั้นเอง           ฟอร์มัลดีไฮด์และฟอร์มาลีนเป็นสารเคมีตัวเดียวกัน แต่อยู่ในสถานะต่างกัน ถ้าเป็นของเหลวเรียกว่า ฟอร์มาลีน หรือน้ำยาดองศพที่เราคุ้นเคย แต่ถ้าสถานะเป็นก๊าซก็เรียกว่าฟอร์มัลดีไฮด์ ทั้งสองตัวมีกลิ่นฉุนแสบจมูก ส่วนใหญ่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก ไม้อัด โฟม การฟอกหนัง สารตัวนี้จัดเป็นวัตถุอันตราย ห้ามใช้ในอาหารโดยเด็ดขาด องค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศจัดให้ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ตั้งแต่ปี 2549 จากงาน วิจัยในอดีตพบว่าฟอร์มัลดีไฮด์มีความสัมพันธ์กับมะเร็งโพรงจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งสมองและ มะเร็งเม็ดเลือดขาว ปัจจุบันมีหลักฐานจากการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันว่าฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสาเหตุของ การเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีลอยด์อย่างมีนัยสำคัญ           ในบ้านเราเคยมีข่าวว่าเอาอาหารทะเล ผักผลไม้มาแช่ฟอร์มาลีนเพื่อรักษาสภาพอาหารให้ดูสดใหม่เน่าเสียช้า แต่รอบนี้ตรวจพบมากที่นครสวรรค์ถึงร้อยละ 59 ของตัวอย่างอาหารทั้งหมด…

รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งกับการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี : โดย นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ

เครดิต : คมชัดลึก  18 มี.ค. 2554           จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตเรือนหมื่น นับเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเห็นใจชาวญี่ปุ่นยิ่งหนักที่ต้องประสบภัยธรรมชาติเช่นนี้           แต่ภัยพิบัติยังไม่หมดแค่นั้น ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือการระเบิดของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงงานไฟฟ้า มีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี แม้ว่าทางการจะออกมายืนยันในช่วงแรกว่า สารกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมานั้นมีปริมาณน้อยก็ตาม ก็ยังสร้างความหวาดวิตกให้แก่ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่เคยรับรู้ประสบการณ์จากผลร้ายที่ตามมาหลังเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อ 66 ปีก่อนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสูงถึงกว่า 2 แสนคน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้วงการแพทย์ได้เริ่มรู้จักมหันตภัยจากสารกัมมันตภาพรังสีมากยิ่งขึ้น           ในบ้านเราแม้จะไม่เคยมีการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีอย่างรุนแรงก็ตาม แต่เหตุการณ์เมื่อต้นปี 2543 ที่มีคนเก็บของเก่าไปเปิดกระบอกลึกลับที่ภายในบรรจุสารกัมมันตภาพรังสีโคบอลท์ 60 ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนได้รับรังสีกันไปเต็มๆ มีผู้เสียชีวิตอย่างรวดเร็ว 3 ราย ส่วนที่เหลือก็พิการต้องถูกตัดนิ้วและตามมาด้วยสุขภาพที่ย่ำแย่ไปตามๆ กันผลร้ายที่ตามมาหลังการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสี นอกจากความผิดปกติจากการได้รับรังสีสูงแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักลงเอยด้วยการเสียชีวิต อันเนื่องมาจากการที่รังสีมีผลต่อไขกระดูก ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจหลอดเลือด และระบบประสาทส่วนกลาง ตามแต่ปริมาณของรังสีที่ได้รับแล้วนั้น ผลร้ายที่ตามมาแบบเรื่อยๆ…